วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

บทความถึงพ่อ โดยสมภพ เพ็ญจันทร์


พ่อครับ...ผมนี้มันโง่จริงๆ
โดย  สมภพ   เพ็ญจันทร์
๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕

ตัวผมเองนั้น ได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากพ่อ แทบจะเรียกว่ามีพ่อเป็น “แบบ” ในมโนคติ ผมว่าพ่อทุกคนต้องเป็น “แบบ” ให้แก่ลูกแน่ๆ ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง ดังนั้น คนที่เป็น “พ่อ” หรือ “แม่” พึงระวังเรื่องการประพฤติปฏิบัติตัว การพูดจาท่าทาง หรือทุกๆ เรื่องให้ดี เพราะจะส่งผลต่อลูกทุกๆ คนแน่นอน เหมือนผมที่ชอบอ่านหนังสือพิมพ์และหนังสือทุกชนิดเหมือนพ่อ เพราะตอนเด็กๆ ประมาณ ป.๕ ป.๖ กระมัง พ่อจะหนีบไปร้านตัดผมที่มีหนังสือพิมพ์อ่านทุกวัน สองพ่อลูกแบ่งกันอ่านอย่างมีความสุข โดยไม่ต้องเสียตังค์ เพราะเราไม่มีตังค์ซื้ออยู่แล้ว เรื่องความยากจนกับชาวชนบทเมื่อ ๕๐ ปีก่อนคงไม่ต้องพูดถึง พวกเราที่อายุล่วงมากึ่งศตวรรษต่างพานพบมาแล้วทั้งนั้น  ผมขอบันทึกเป็นไว้ ให้พวกเราได้ระลึกถึงอย่างมีความสุข
พวกเราชาวสันคะยอมนั้น ตั้งรกรากอยู่สองฝั่งลำน้ำที่เรียกว่า “น้ำเหมืองมะขาม” เพราะปลายน้ำมุ่งไปบ้านมะขามหลวง แล้วคงจะทะลุลงไปสู่แม่น้ำปิงในที่สุด น้ำเหมืองมะขามนั้น เป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงชาวสันคะยอมทั้งหมู่บ้านก็ว่าได้ ตอนเด็กๆ พ่อจะพาพวกเราไปกั้นลำเหมืองให้แห้ง แล้วหาปลา งมปลา กันสนุก ยามน้ำเต็มตลิ่งพวกเราก็จะไปว่ายน้ำเล่นที่ “หัวแต” โดนแม่อุ้ยป้อไล่เฆี่ยนตีเป็นประจำ เพราะแกคงกลัวพวกเราจมน้ำตาย บางวันก็ไปเล่นท่าลุงปุ๊ด ที่มีต้นมะเดื่อใหญ่ๆ อยู่ ปีนขึ้นไปแล้วโดดน้ำลงตูม สนุกสนาน แต่เพราะอยู่ใกล้บ้านพ่อแคว่นแก้วกับอุ้ยทา จึงโดนอุ้ยทาบ้าง ลุงปุ๊ดบ้าง อานีบ้าง เอาก้อนดินไล่ขว้างอยู่เป็นประจำ เพราะน้ำมันลึกมาก  บางทีพวกผมก็หนีไปเล่นน้ำในสระใหญ่ที่เขาขุดไว้ ที่สถานีทดลองข้าวเกษตรโน่น กลับมาโดนพ่อ-แม่ เอ็ดตะโรใหญ่โต ก็กลัวพวกเราไปจมน้ำตายแหละ
เรื่องหนึ่งที่ผมถอด “แบบ” มาจากพ่อ คือ เรื่องชอบเล่นกีฬา ชอบดูกีฬาทุกชนิด แต่ไม่เล่นการพนันเลย เหตุที่ชอบคงเป็นเพราะพ่อนี่แหละปลูกฝัง พ่อจะพาผมไปดูนักฟุตบอลทีมชาติแข่งในกีฬาเขตเป็นประจำ จนผมจำชื่อนักฟุตบอลทีมชาติได้หมด มีรูปแปะติดเต็มฝาห้องนอน ต่อมาก็ดูบอลโลกทางทีวี จนผมคลั่งเรื่องฟุตบอลไปเลย
ส่วนมวยนั้นพ่อชอบมากเพราะพ่อเป็นนักมวยเก่า พ่อไปดูมวยที่เวทีเดชานุเคราะห์ตรงค่ายกาวิละเป็นประจำ และมักหนีบผมติดตัวไปด้วย ผมจำได้ติดตาว่าดูมวยที่เดชานุเคราะห์มันมาก คนดูยัดทะนานส่งเสียงเชียร์กันดังลั่นอื้ออึงฟังไม่ได้ศัพท์ นักมวยดังขณะนั้น คือ “นกน้อย ลูกเชียงดาว” ผมชอบมาก วันหนึ่งผมมีไข้เล็กน้อย แต่มีมวยนัดสำคัญมาก พ่อบอกว่าไม่ให้ไปเพราะป่วยอยู่ ผมบอกพ่อว่า “เดี๋ยวจะหายให้ดู” ผมใส่เสื้อหนาเตอะ ใส่แขนยาวทับ วิ่งรอบบ้านไปมาอย่างเต็มกำลังจนเหงื่อโชก ผมวิ่งมาบอกพ่อว่า “ผมหายแล้ว” พ่อกับเพื่อนๆ หัวเราะชอบใจ และอนุญาตให้ผมไปด้วย ผมจำได้ไม่เคยลืม ผมไปค้นดูบันทึกเก่าๆ ของตนเอง ปรากฏว่าช่วงนั้นผมติดดูมวยทีวีงอมแงม โดยเฉพาะมวยระดับโลก ใครแพ้ใครชนะ ผมบันทึกไว้หมดเลย
เมื่อผมเติบโตขึ้น ครูชมว่าผมเรียนดี รำดี สมองดี น่าส่งเรียนนาฏศิลป์ พ่อมุ่งปั้นผมให้ถึงดวงดาว ต้องการให้ลูกเป็นครูเหมือนลูกของพ่อครูสุวิทย์ มาพวง ให้ได้ พ่อให้ผมดูพี่จินตนา พี่ศักดิ์ พี่สมบัติ (อ้ายอู้ด) ตระกูลมาพวงเป็นแบบอย่าง พี่ๆ เป็นคนดีมาก พ่อต้องการให้ผมเรียนต่อสูงๆ แต่ด้วยความจน พ่อจึงต้องให้อ้ายวีระ พี่อาภรณ์ พี่ทองพูน ออกจากโรงเรียนมาทำงาน เพื่อหาเงินส่งน้องเรียน ส่วนผมก็ต้องเรียนด้วยทำงานด้วย เพื่อช่วยตัวเองและผ่อนภาระของพ่อแม่ที่มีน้องๆ คลานตามกันมาอีกหลายคน พวกเราไม่มีชื่อเล่น อย่างน้องศิลป์ ที่เรียกว่า “น้อง” เพราะพี่ๆ คิดว่าเป็นคนสุดท้ายแล้ว และเป็นน้องสาวด้วย ก็เลยเรียก “น้องศิลป์” จนติดปาก แต่ก็ไม่ใช่ชื่อเล่น พ่อแม่มีลูกดก จนไม่มีใครกล้าเรียกสันต์ว่า “น้องหล้า” เพราะกลัวว่าเดี๋ยวก็เกิดมาอีกคนจะยุ่ง
       อิทธิพลทาง “แบบ” ของพ่อส่งผลให้ผมอีกเรื่อง คือ “ลิเก” พ่อเล่นลิเกเลี้ยงครอบครัวจนถึงวันที่ผมเกิดมานั่นแหละ แต่จะเลิกเล่นตอนไหน แม่ก็จำไม่ได้แน่ชัด ผมก็ไม่ได้ทันถามพ่อ แต่คิดว่าคงค่อยๆ เลิกไปเอง เพราะหาเงินไม่ทันใช้เลี้ยงลูก ต้องทำงานอื่นๆ มากมาย ตัวพ่อก็แก่ตัวลงด้วย พ่อทำงานสารพัดอย่าง ที่ผมจำได้ เช่น เลี้ยงครั่ง ขึ้นครั่ง รับจ้างขึ้นลำไย ทำสวนลำไย ปลูกแตงโม ทำไร่ยาสูบ ปลูกข้าว เลี้ยงวัวปล่อย เลี้ยงหมู รับจ้าง เกี่ยวหญ้า หาปลา ฯลฯ โอ๊ย สารพัดอย่าง พวกเราชาวสันคะยอมก็ปากกัดตีนถีบกันอย่างนี้ทุกคน แต่มีความสุขนะ
       เมื่อผมมาเรียนนาฏศิลปเชียงใหม่ การศึกษาที่สูงขึ้นๆ ทำให้ผม “กำเริบฤทธิ์” ในบางขณะ พ่อต้อง “กำราบ” ผมเป็นบางครั้ง มีครั้งหนึ่งที่ผมจำจนตาย ตอนนั้นน่าจะเรียนนาฏศิลป์ ม.ต้น ผมแสดงฤทธิ์กับพี่ๆ ด้วยอหังการ์ของผม ผมใส่รองเท้าขึ้นบ้านเหมือนฝรั่ง พี่สั่งสอน ผมเถียงพี่อยู่บนบ้าน พี่ด่าว่ายิ่งเรียนก็ยิ่งโง่ ผมสวนว่า “ใช่สิ ถ้าฉลาดก็เป็นนายอำเภอแล้ว” พ่อวิ่งพรวดเดียวจากลานบ้าน ขึ้นบันไดมาขย้ำคอผมเหมือนเสือตะปบเหยื่อ พ่อคำรามใส่ผมอย่างโกรธจัด พี่ๆ น้องๆ ต้องมาห้ามพ่อจ้าละหวั่น พ่อคงเสียใจมากที่การศึกษาทำให้ผมกำเริบได้ขนาดนี้ ตั้งแต่นั้นมาพ่อก็ไม่ลงโทษผมอีกเลย แม้แต่คำเดียวก็ไม่เคยว่าผม พวกพี่ๆ ตัดพ้อกับพ่อว่า “มันเรียนสูง   อีกหน่อยมันก็มาขี่คอเรา มากดหัวเรา” พ่อปลอบพี่ๆ ว่า “ตามใจมันเถอะ อีกหน่อยมันนั่นแหละ จะได้ช่วยเหลือพี่ๆ น้องๆ” ผมเพิ่งมารู้เมื่อไม่กี่วันมานี้ ว่าพ่อคาดหวังกับผมสูงมาก ผมช่างเป็นคนดิบ โง่ สิ้นดี ยิ่งเรียนสูงยิ่งโง่แท้ๆ
       พ่อครับ ผม “ต้อง” ทำให้พ่ออีกหลายอย่าง ผม “ต้อง” ดูแลแม่ต่อไป ผม “ต้อง” ดูแลสังคม ชุมชน คนแก่ เด็ก เยาวชน บ้านสันคะยอมของเรา ผม “ต้อง” สืบสานศิลปวัฒนธรรมล้านนาของเราต่อไป ผมไม่ท้อหรอกพ่อ ผมไม่กลัวตายดอกพ่อ พ่อกับสะอาดไปรอผมแล้ว ผมจะจัดงานส่งสก๋ารพ่อให้ดีที่สุด ผมจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด ผมรักพ่อ-แม่  ผมรักทุกคน  เมื่อชีวิตผมดับสูญ ผมจะตามพ่อไป  ผมต้องเรียนรู้อะไรๆ จากพ่ออีกหลายอย่าง พ่อครับ “ผมนี้มันโง่จริงๆ”
สมภพ   เพ็ญจันทร์....๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕   

3 ความคิดเห็น:

  1. รู้จัก ไฟแดง เพชรภูธร ไหมครับ

    ตอบลบ
  2. คุณชอบนกน้อย​ ลูกเชียงดาวเหรอครับ.. ผมเป็นลูกชายแท้ๆของเขา​ แต่ทั้งชีวิตเจอกันไม่น่าเกิน6ครัง555​ ตอนผมเกิดปี2516​ พ่อไปสอนมวยที่ญี่ปุ่นครับ​ /เจอกันครั้งแรกผมเรียน.2​ โดยที่ไม่รุ้ว่าเขาคือพ่อ​ ชีวิตผม.. โคตรเศร้า

    ตอบลบ
  3. แก้ใขครับ.. ตอนเจอครั้งแรกผมเรียน​อยู่​ ป.2

    ตอบลบ