วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557

กลองแซะ





กลองแซะ
ของพ่อครูคำ  กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕
 
กลองแซะ เป็นกลองขึงสองหน้า เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๕๐ เซนติเมตร ตัวกลองสูง (หรือหนา) ประมาณ ๒๐ เซนติเมตร การขึงกลองใช้สลัก หรือ ลิ่ม (คำเมือง เรียกว่า แซ่)
การตีกลองแซะ ใช้ไม้ไผ่ ๒ อัน  มือขวาตีด้วยไม้ไผ่ ขนาดยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร มีลักษณะแบน กว้างประมาณ ๔ เซนติเมตร ไม่หนามากนัก ส่วนมือซ้ายตีด้วย “ไม้แซะ” มีลักษณะเป็นไม้ไผ่ ยาวประมาณ ๓๐ เซนติเมตร ลักษณะแบน แต่ปลายไม้ใช้มีดผ่าให้เป็นซี่เล็กๆ เหตุผลเพราะ เวลาตีกลองจะมีเสียงดัง “แซะ” แทนเสียงฉาบ
เครื่องประกอบจังหวะในการตีแซะ ใช้เฉพาะโหม่ง ไม่มีฉาบใหญ่หรือฉว่า เหมือนกลองสะบัดชัย หรือกลองล้านนาชนิดอื่นๆ
พ่อครูคำ  กาไวย์ (สัมภาษณ์ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔) กล่าวว่า กลองแซะ เป็นกลองที่มีมานานแล้วนับ ๑๐๐ ปี เป็นกลองชนิดแรกๆ ของล้านนาที่พ่อครูคำเคยได้เห็น ได้ยินเสียง และได้ฝึกตี  โดยตอนเด็กๆ ขณะพ่อครูคำอายุ ๗-๘ ขวบ เมื่อมีงานปอยบวชลูกแก้ว (บวชเณร – คนล้านนา นิยมบวชเณรเป็นงานใหญ่โต ในขณะที่บวชพระกลับไม่ใหญ่โตเท่า แตกต่างจากภาคกลาง ที่จะงานบวชพระจะจัดใหญ่มาก ส่วนบวชเณรจะไม่เอกิเกริกเท่า) พ่อครูคำ  จะได้ยินเสียงตีแซะลอยมาไกลๆ พ่อครูก็จะปีนไม้ (ต้นมะขาม?) ขึ้นไปสูงๆ แล้วเงี่ยหูฟังว่า กลองมาจากทิศทางไหน แสดงว่างานปอยบวชลูกแก้วอยู่ทางทิศนั้น วันรุ่งขึ้นพ่อครูคำ ก็จะไปแอ่ว (ไปเที่ยว) ในงานเป็นที่สนุกสนาน
พ่อครูคำ กล่าวต่อไปว่า กลองแซะ นั้นมีมาก่อนกลองใดๆ ทั้งหมด ต่อมาก็เป็นกลองสิ้งบ่อม (กลองยาวของล้านนา) กลองปู่เจ่ (ของไต หรือไทยใหญ่) และกลองสะบัดชัย ตามลำดับ เมื่อมีกลองอื่นๆ เข้ามา กลองแซะก็ค่อยๆ เลือนหายไป จนถึงขณะนี้ (พ.ศ.๒๕๕๔) หาคณะหรือคนตีกลองแซะได้น้อยมาก ยังมีคณะพ่อครูคำ  กาไวย์ ที่อนุรักษ์ไว้ได้
กลองแซะ นิยมตีประกอบการฟ้อนเจิงมือเปล่า ฟ้อนดาบ และตีในขบวนแห่ลูกแก้วจากบ้านไปที่วัด หรือพาลูกแก้วไปแอ่ว (พาเด็กที่บวชเณรไปเยี่ยมบ้านต่างๆ เพื่อให้บ้านนั้นๆ ได้ทำบุญ เพราะคนล้านนาเชื่อกันว่า ทำบุญกับลูกแก้วได้บุญเยอะ) 

สมภพ  เพ็ญจันทร์
๙ มิถุนายน ๒๕๕๗

บทละครล้านนา เรื่อง บัวระวงส์หงส์อามาต




วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม
บทละครสร้างสรรค์เพื่ออนุรักษ์ เผยแพร่ บทวรรณกรรมล้านนา เรื่อง

บัวระวงส์หงส์อามาต

จัดแสดงตามโครงการแสดงละครประจำปี ๒๕๕๖
๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖ – ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๖
ณ โรงละครวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
สร้างสรรค์จากบทคร่าวซอของเก่า
ผศ.สมภพ   เพ็ญจันทร์  :  จัดทำบทและกำกับการแสดง
ครูรักเกียรติ  ปัญญายศ :  ประพันธ์เพลง และบรรจุเพลง
ครูนันทิตา  คุ้มมา  : ควบคุม ฝึกซ้อม การขับร้อง
ครูธีรวัฒน์  หมื่นทา : ร่วมจัดทำบท ฝึกซ้อม การขับร้อง
ครูสุนันทา ชูชัยมงคล ครูวิบูลลักษณ์  คุณยศยิ่ง : ฝึกซ้อมการแสดง
ครูทรรศนะ ภาคอัมพร ครูสมภพ  จำปาทอง : ฝึกซ้อมกลองและดาบ
ครูธงชัย  จีนชาติ : ออกแบบเครื่องแต่งกาย
แสดงโดยนักเรียน นักศึกษา วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม

รองฯ เพียงแข  จิตรทอง : ควบคุมการแสดง
ดร.กษมา  ประสงค์เจริญ  :  ผู้อำนวยการแสดง

บทละครล้านนา เรื่อง บัวระวงส์หงส์อามาตย์

(ฉบับ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๖)
-ดนตรีทำเพลงเกริ่นนำ-
-อื่อกะโลง-
ประนมกรนบกราบไหว้             ยอคุณ
จักไขเรื่องท้าวต๋นบุญ                         หน่อเหน้า
โพธิสัตว์อธิคุณ                                เทวโลก บนแล
บัวระวงส์หงส์อามาตเจ้า                      ปิ่นเกล้าพุทธังกูร

ปริเฉทที่ ๑
สองเจ้าชาย
-เสียงกลองไชยมงคลดังขึ้น-
-เปิดม่าน-
-ไฟจับที่กลองไชยมงคล-
-แสดงการตีกลองศึก ๗ ใบ (กลองไชยมงคลตั้งกลาง ๑ ใบ และตั้งสองข้างๆ ละ ๓ ใบ)-
-นักแสดงศิลปะการต่อสู้เจิงดาบแบบล้านนา จำนวน ๒ กลุ่มๆ ละ ๕ คน ออกแสดง-
-เจ้าชายสุริยา นำหน้านักดาบกลุ่ม ๑-
-เจ้าชายบัวระวงส์ นำหน้านักดาบกลุ่ม ๒-
-ช่วงท้ายการฝึก พญาก๋าไลย นางจั๋นตา พร้อมนางก๋าไวย ไชยทัต และนันทเสนา ออกมายืนดูการฝึก-
-เสียงกลองศึกจบ ทุกคนนั่งลง-
-เจ้าชายสุริยาและเจ้าชายบัวระวงส์ นำทหารถวายบังคมพญาเจ้าเมือง-
-พญาก๋าไลยท่าทางไม่ค่อยสบาย กระแอมไอเป็นพักๆ นางจั๋นตาคอยกระคองอยู่-
-บทอู้-
พญาก๋าไลย                 สุริยา....บัวระวงส์.... ลูกป้อ (กระแอมไอ)
สุริยา-บัวระวงส์           บาทเจ้า เจ้าป้อ
พญาก๋าไลย                บัดนี้...เจ้าทั้งสองก่อเติบโตเป๋นหนุ่มแล้ว ฝีมือก่อเก่งกล้าขึ้นตึงวัน ส่วนป้อก่อแก่
ก่อเฒ่าแล้ว มีแต่โรคภัยไข้เจ็บมารบก๋วน (กระแอมไอ) (หันมาทางอำมาตย์ผู้ใหญ่และนันทเสนา) ท่านอำมาตย์ ท่านนันต๊ะเสนา และทหารกล้าของเฮา เฮามีเรื่องสำคัญจะบอกท่านตึงหมู่ตึงมวล
-ร้องเพลงพระญาเจ้า-
พญาก๋าไลย                          จักตั้งบุตต๋า  สองคนหน่อเนื้อ  หื้อไว้สืบสาวครองดิน
เจ้าสุริยา หันดีเป๋นจิ๋ง  เป๋นเจ้าแผ่นดิน  ประชาไพร่ฝ้า
ส่วนบัวระวงส์  หื้อเป๋นหัวหน้า  อุปราชาเคียงเจ้า
-ดนตรีทำเพลงไป ๑ เที่ยว-
 (เสียงเสนา อำมาตย์ ทหาร “สาตุ๊... บาทเจ้า” พร้อมถวายบังคม)
-พญาก๋าไลย เดินเข้า เจ้าชายสุริยาและเจ้าชายบัวระวงส์เดินตาม-
-ปิดม่าน-
-นางก๋าไวย มองตามด้วยความเคียดแค้น ไชยทัต และนันทเสนา เดินตาม ทั้ง ๓ คนแสดงหน้าม่าน-
-ร้องเพลงกั๋วเหลือ-
ก๋าไวย                                นางก๋าไวย  เมียป๋ายท่านเจ้า       หัวใจมันเมาต่ำคล้อย 
พั่นดั่งตั๋วกู  อั้นเป๋นเมียน้อย                  ก็มีลูกหน้อยตึงคน 
จื้อไชยทัต  ลูกฮักเทียมต๋น                    บ่ใช่เจื้อคน  ไพร่ไทต่ำหล้า
หากโลหิตเดียว  สาวเกลี๋ยวร่วมหน้า         แต่ต่างมารดาเต้าอั้น
พระปิตต๋า  สังมาปะล้ำ                       บ่ปล๋งมอบบ้านอันใด
กึดเถิงลูกหน้อย ปุ๋นดีหมองใจ๋                นางก๋าไวย โทสาเคียดกล้า
-บทอู้-
นางก๋าไวย                 ป้อนันต๊ะเสนา ป้อได้ยินแล้วแม่นก่อเจ้า
นันทเสนา                  ได้ยินแล้ว ลูกป้อ
นางก๋าไวย                 แล้วเฮาจะเยี้ยะจะใดดีเจ้าป้อ เจ้าปี้มอบบ้านเมืองหื้อไอ่สุริยาและไอ่บัวระวงส์
ไปแล้ว แล้วไชยทัตลูกข้าเจ้า หลานของป้อลอเจ้า
นันทเสนา                  นั่นนะก๋ะ  จะเยี้ยะจะใดดีหา
ไชยทัต                     เฮาต้องวางแผนฆ่ามันเลย... เจ้าแม่
นางก๋าไวย                 บ่ได้ลูก ทำจะอั้น ทุกคนจะต้องสงสัยเฮาแน่นอน
ไชยทัต                     อั้นเฮาจะเยี้ยะจะใดดีเจ้า
นันทเสนา                  เอาจะอี้ ก๋าไวยลูกป้อ
นางก๋าไวย                 เอาจะใดเจ้า
-นันต๊ะเสนาแอบกระซิบข้างหูนางก๋าไวย แล้วพากันหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม-
นางก๋าไวย                 ฮึ... ไอ่สุริยา ไอ่บัวระวงส์ เสร็จกูแน่นอน (หัวเราะ)
-ดนตรีทำเพลงดาคัว-
-ทั้งสามคนเข้าโรง-
จบปริเฉทที่ ๑










ปริเฉทที่ ๒
มารยานางก๋าไวย

-เปิดม่าน-
-จัดเป็นตั่ง มีขันโตกกินข้าวแบบล้านนา-
-นางก๋าไวย คอยปรนนิบัติเอาใจสองเจ้าชายอยู่-
 -ร้องเพลงดาคัว-
ก๋าไวย                                แม่น้าก๋าไวย จัดก๋านต้อนรับ        จ๋าต่อเจ้าสองจาย
ว่าสองลูกฮัก จุ่งกิ๋นต๋ามใจ๋                    จิ้นปล๋าอันใด แม่ดาไว้เสี้ยง
นางเยี้ยะแต่งตั๋ว หื้อหัวเกล้าเกลี้ยง           แป๋งต๋าเมียงม่ายจู๊
สองเจ้ากุ๋มมาร บ่เข้าใจ๋ฮู้                     ว่าเป๋นเล่ห์กล ของนางก๋าไวย      
-บทอู้-
ก๋าไวย                      (ป้อนให้สุริยา) กิ๋นแห๋มหน้อยลูก นี่ๆๆๆๆ  อ้ำ  แม่เยี้ยะลำก่อ
(ป้อนบัวระวงส์) เอ้า...บัวระวงส์  กิ๋นแห๋มหน้อยเน้อลูก  เอ้าๆๆๆๆๆ  อ้ำ.. เก่งเจ้า
(จะป้อนให้สุริยา)
สุริยา                       ปอแล้วเจ้า  เจ้าแม่  สุริยาอิ่มแล้วบาทเจ้า
ก๋าไวย                      อะหยังมาฟั่งอิ่ม แม่เยี้ยะบ่อลำกา
สุริยา                       บ่ใจ้บาทเจ้า แต่อิ่มแล้วบาทเจ้า
ก๋าไวย                      อั้น เจ้าน้องบัวระวงส์กิ๋นต่อน้อเจ้า
บัวระวงส์                  บัวระวงส์ก่ออิ่มแล้วบาทเจ้า
ก๋าไวย                      (คะยั้นคะยอ) จะอั้น... กิ๋นขนมชิ้นสุดท้ายนี่เน้อเจ้า เอ้า... อ้าปากเจ้า อ้ำ....
(นางกำนัลทำลับๆล่อๆ นางก๋าไวยพยักพเยิดให้รีบมาทูลพญาก๋าไลย)
สนมก๋าไวย                 (เสียงเบาๆ ทำลับๆล่อๆ) ไปได้รึยังเจ้า
ก๋าไวย                      (พยักเพยิด)  ไปเลยๆๆ
(สุริยาเห็นผิดสังเกต จึงถามขึ้น)
สุริยา                       มีอะหยังกา เจ้าแม่
ก๋าไวย                      บ่มีหยัง ๆๆ
(สุริยา บัวระวงส์ รับน้ำจากนางก๋าไวยมาดื่ม แล้วทำท่าจะอำลา)
สุริยา                       จะอั้น สุริยากับบัวระวงส์ขอปิ๊กคุ้มก่อนเน้อบาทเจ้า
ก๋าไวย                      บ่ได้ๆๆๆ  ฟั่งปิ๊กหยังเตื้อ อยู่แห๋มก้ำนอ (แสร้งทำมารยาลุกไปนั่งใกล้สุริยาและ
บัวระวงส์) กิ๋นแล้ว ก่อมาบีบมานวดหื้นเจ้าแม่ก้ำเต๊อะ เจ้าแม่แก่แล้ว นั่งเมิน
มันปวดแข้งปวดขาปวดหลังปวดไหล่   จ้วยแม่กำเต๊อะ  เอ็นดูคนเฒ่าเน๊าะ
-นางก๋าไวย ทำมารยาให้สุริยาและบัวระวงส์บีบนวดให้ เจ้าชายทั้งสองไม่ทันระวังภัยร้าย-
-จึงบีบนวดให้ด้วยบริสุทธิ์ใจ นางก๋าไวยแกล้งทำเสื้อผ้าหลุดลุ่ย-


(บทอู้ในโรง)
สนมก๋าไวย                 ตางนี้เจ้า เจ้าป้อ
พญาก๋าไลย                ไหนๆ ไอ่สุริยา ไอ่บัวบัวระวงส์มันอยู่ไหน
-พญาก๋าไลยออกมาด้วยท่าทางฉุนเฉียว  เจ้าชายสุริยาและเจ้าชายบัวระวงส์รีบนั่งหมอบลงด้านล่าง-
-นางก๋าไวยแกล้งร้องไห้ฟูมฟายน้ำตาไปกอดเท้าพญาก๋าไลย-
-บทอู้-
ก๋าไวย                      (แกล้งร้องไห้) เจ้าปี้เจ้าๆ จ้วยตวยเจ้า ก๋าไวยจะถูกข่มขืนเจ้า
พญาก๋าไลย                มันเกิดอะหยังขึ้น น้องก๋าไวย
ก๋าไวย                      เจ้าปี้เจ้า สุริยากับบัวระวงส์ ลูกฮักของเจ้าปี้  สังมาบ่ดีเจ้นล้ำ ก๋าไวยอุตส่าห์
จัดข้าวปล๋าอาหารเลี้ยงแสดงยินดี ที่เจ้าปี้จะมอบบ้านเมืองหื้อ เขากลับมาไล่กอด  ไล่ปล้ำก๋าไวย  ก๋าไวยนั้นสู้กำลังมันบ่ได้ ก่อเลยเป๋นจะนี้แหละเจ้า ฮือๆๆๆๆๆ
-ร้องเพลงห้าว-
พญาก๋าไลย                          พระองค์ท่านท้าว เคียดห้าวเหลือใจ๋   มาเหมือนถ่านไฟ เผาใจ๋บ่หน้อย
บ่ไต่ถามหา  โทสต๋าถี่ถ้อย                    จักดับอินทรีย์ม้วยมิด
จุ่งเอาฆ่าเสีย  ดับจิตชีวิต                     อย่าสังเวชหน้าตั๋วมัน
-บทอู้-
พญาก๋าไลย                เพชฌฆาต เอามันทั้งสองคนนี้ไปประหารชีวิต
-ดนตรีทำเพลงหิ่งห้อย-
 (พญาก๋าไลยเดินเข้าโรง) 
-ปิดม่านหน้า-
 (เพชฌฆาต ๓ คน คุมตัวเจ้าชายทั้งสองไว้ นางก๋าไวยทำท่าเยาะเย้ย)
ก๋าไวย                      เล่นกับไผ๋บ่อเล่น มาเล่นกับอี่ก๋าไวย  (หัวเราะสะใจ)
จบปริเฉทที่ ๒

ปริเฉทที่ ๓
หัวอกแม่จั๋นตา
(แสดงหน้าม่าน)
-ดนตรีทำเพลงหิ่งห้อย (ต่อเนื่อง)-
-นางจั๋นตาวิ่งร้องไห้ฟูมฟายออกตามหาเจ้าชายทั้งสอง-




-อ่านคร่าว-
          พระนางจั๋นตา ฮู้ข่าวลูกฮัก ถูกป้อเจ้าลงฑัณฑ์  /  หื้อเพชฌฆาต  เอาไปประหาร  จึงรีบเร็วพลัน
มาจ้วยลูกเต้า / นางไห้ฮ้องหา  บุตต๋าสองเจ้า  เป๋นดีเอ็นดูแต้ตั๊ก




-อ่านคร่าว-
          พระนางจั๋นตา ฮู้ข่าวลูกฮัก ถูกป้อเจ้าลงฑัณฑ์  /  หื้อเพชฌฆาต  เอาไปประหาร  จึงรีบเร็วพลัน
มาจ้วยลูกเต้า / นางไห้ฮ้องหา  บุตต๋าสองเจ้า  เป๋นดีเอ็นดูแต้ตั๊ก





-อ่านคร่าว-
          พระนางจั๋นตา ฮู้ข่าวลูกฮัก ถูกป้อเจ้าลงฑัณฑ์  /  หื้อเพชฌฆาต  เอาไปประหาร  จึงรีบเร็วพลัน
มาจ้วยลูกเต้า / นางไห้ฮ้องหา  บุตต๋าสองเจ้า  เป๋นดีเอ็นดูแต้ตั๊ก






-อ่านคร่าว-
          พระนางจั๋นตา ฮู้ข่าวลูกฮัก ถูกป้อเจ้าลงฑัณฑ์  /  หื้อเพชฌฆาต  เอาไปประหาร  จึงรีบเร็วพลัน
มาจ้วยลูกเต้า / นางไห้ฮ้องหา  บุตต๋าสองเจ้า  เป๋นดีเอ็นดูแต้ตั๊ก
































-บทอู้-
จั๋นตา                      (ร้องไห้ ตะโกนหา) สุริยา.....บัวระวงส์.....ลูกแม่.....ลูกแม่ไปตางไหนลูก.......
-นางจั๋นตาวิ่งผ่านไป เพชฌฆาตคุมตัวเจ้าชายทั้งสองออก นางจั๋นตาวิ่งมาทันพอดี-
จั๋นตา                      (ตะโกนเรียก) สุริยา.....บัวระวงส์

-นางจั๋นตาทรุดลงนั่ง ร้องไห้อ้อนวอนเพชฌฆาตให้ปล่อยเจ้าชายทั้งสอง-
จั๋นตา                      ท่านเพชฌฆาต เอ็นดูเต๊อะ ปล่อยลูกข้าเจ้าไปเต๊อะ (ร้องไห้)
-ดนตรีหยุด-
-ขับจ๊อย-
จั๋นตา                                พระนางจั๋นตา มือก๋ำถงขวัญ        เอาคำหลายปัน ซ่อนผืนแผ่นผ้า
แล้วยื่นหื้อปั๋น คนหาญพวกฆ่า               ว่าขอเตอะนา สูไท้
ขอเป๋นน้ำใจ๋ เอาลูกข้าไว้                     จักยกคำหื้อ คนปัน
อู้กั๋นซักซ้อม ตกลงเป๋นกั๋น                     เงียบหายปิดบัง อาณัติกั๋นมั่น
-บทอู้-
เพชฌฆาต                  เฮ้ย แก้มัดเจ้าชาย
-ทหารแก้มัดเจ้าชายทั้งสอง แล้วเข้าโรงไป-
-นางจั๋นตาผวาเข้ากอดลูก-
นางจั๋นตา                  (ร้องไห้) ลูกแม่ๆ แม่มาจ้วยลูกแล้ว ขะใจ๋หนีไป  หนีไปไกล๋ๆ เลยเน้อลูก
หื้อดูแลกั๋นดีๆ เน้อลูก
-ร้องเพลงแม่ฟ้าหลวง-
นางจั๋นตา                            แม่จั๋นตานาง สั่งสองน้องอ้าย       ว่าจงไปดีแต้ตั๊ก
                             หื้อฮักแปงกั๋น เนอเจ้าลูกฮัก                  จักหนีออกบ้าน เมืองคน
ยามเข้าป่าไม้ นาไลไพรสณฑ์                 หื้อผ่อตังบน ตังเหนือลุ่มใต้
ควรสาหื้อสา ควรไหว้หื้อไหว้                 อย่าไปพาโลล่ายฮ้อน
ขอเตวดา ฮักษาพร่ำพร้อม ฮักษาลูกเต้ายามไป
ฝูงหมู่เคราะห์ร้าย หื้อค้ายหนีไกล๋            สัพพจังไร อย่ามาเติกป้าน
ขอบุญกุศล ปกบนเสี้ยงถ้าน                  หื้อเป๋นเงาบังร่มลับ
สุริยา-บัวระวงส์           สองเจ้าปุตต๋า ยอมือนิ้วทับ                    สาหว่านไหว้พรดี
-บทอู้ (แทรกในเพลง)-
จั๋นตา                      สุริยา บัวระวงส์ แม่เตรียมห่อข้าวไว้หื้อลูกตังสองแล้วเน้อ ฮับไว้เหียลูก
เอาไว้กิ๋นยามหิวข้าวเน้อลูกเน้อ  (หันมาทางบัวระวงส์) บัวระวงส์ ในถงผ้านี้
เป๋นของมีค่าที่สุด ขอหื้อลูกเก็บไว้ใช้ยามจำเป๋นเน้อลูก (ร้องไห้) ขอหื้อลูกทั้งสอง
เดินทางปลอดภัย คุณพระคุณเจ้าคุ้มครองฮักษาเน้อลูกเน้อ (ร้องไห้)
-ร้องเพลงแม่ฟ้าหลวง (ต่อ)-
สุริยา-บัวระวงส์                     แล้วปลอบแม่ไท้ จั๋นตาเกสี          ว่าก้อยอยู่ดี เนอแม่เป๋นเจ้า
อย่าไปถือกั๋มม์ ถือเวรเงื่อนเหง้า              กับไผ๋คนใดตอบต๊า
อย่าไปกึ้ดใจ๋ ว่าลูกก๋ำพร้า                     ได้พลัดพรากหน้าหนีไป
กั๋มม์เวรจ้าดแล้ว มาตันเต็งใจ๋                 บ่จ้างเยี้ยะใด เนอแม่เป๋นเจ้า
-ทั้งสามแม่ลูกร้องไห้ล่ำลากัน ดนตรีทำเพลงไปเรื่อยๆ จนปิดไฟ-
จบปริเฉทที่ ๓
 (แทรกตลกหน้าม่าน เพื่อเล่าเรื่อง)
-ดนตรีทำเพลงขี้อู้-
ปุ๊ด                เฮ้อ... กลุ้มใจ๋บ่าเฮ้ย กลุ้มใจ๋
ปัน                กลุ้มใจ๋อะหยัง ไอ่ปุ๊ด  เมียคิงต๋ายกา
ปุ๊ด                ว่าไปเรื่อย เมียต๋ายมันต้องดีใจ๋ บ่ใจ๋กลุ้มใจ๋
ปัน                แล้วคิงกลุ้มใจ๋เรื่องอะหยัง
ปุ๊ด                ก่อกลุ้มใจ๋เรื่องบ้านเมืองปัญจรานครของเฮานี่ก่า
ปัน                มันเป๋นจะใด
ปุ๊ด                ก่อบ่าเดี๋ยวนี้นา บ้านเมืองเฮา ตึงเจ้าป้อพญาเมือง กับเจ้าแม่พญาเมือง เปิ้นก่อต๋ายลับดับสูญ
ไปแล้ว บ่มีไผ๋สืบบ้านครองเมือง เพราะเปิ้นมีลูกสาวคนเดียว จื่อว่า ปทุมวดี อายุ ๑๖ ปี๋แล้ว
ปัน                แล้วลูกสาวเปิ้นครองเมืองบ่ได้กา
ปุ๊ด                อันได้น่ะมันได้ แต่เปิ้นบ่เก่งเรื่องรบทัพจับศึก หมู่เสนาอำมาตย์ตังหลาย อยากหื้อเปิ้น
ได้แต่งก๋านแต่งงาน แล้วยกยอสามีเปิ้นขึ้นเป็นเจ้าเมืองขึ้นครองราชย์
ปัน                แล้วองค์หญิงปทุมมาเปิ้นบ่มีแฟนเตื้อกา
ปุ๊ด                ก่อนั่นน่าก่า  มันบ่มีไผ๋ มีบุญญาป๋ารมีปอตี้จะเป๋นคู่เปิ้นได้ ก่อเลยกลุ้มใจ๋กั๋นตึงบ้านตึงเมือง
บ่าเดี๋ยวนี้
ปัน                อืมม..... แล้วเป็นจะแก้ไขจะใดหา
ปุ๊ด                ฮาฮู้มาว่า  หมู่เสนาอำมาตย์ประชุมกั๋นแล้ว ก่อตกลงกั๋นว่าจะพึ่งบุญญาป๋าระมีขององค์อินทร์
เจ้าฟ้า เสี่ยงทายราชรถไป หากราชรถไปจุกพักยั้งตี้บ้านป้อจายคนใดในเมืองนี้ ก่อแสดงว่าคนๆ นั้นน่ะ มีบุญญาป๋าระมี เสนาอำมาตย์ตังหลายก่อจะอัญเชิญขึ้นเป็นกษัตริย์ครองเมือง 
ปัน                แล้วถ้ามันมาหยุดตี้บ้านฮาลอ
ปุ๊ด                คิงก่อจะได้เป๋นเจ้าเมืองน่าก่า
ปัน                จะอั้น เฮาเตรียมตั๋วไปผ่อเปิ้นเต๊อะป๊ะ
ปุ๊ด                ไป
-ดนตรีทำเพลงกองหา-










ปริเฉทที่ ๔
ราชรถมาเกย

-ดนตรีทำเพลงกองหา (ต่อเนื่องมา)-
-ทำเป็นแท่น ๑ (หน้า) และแท่น ๒ (หลัง)-
-เปิดม่าน-
-สุริยากับบัวระวงส์เดินออก เห็นศาลาที่พักริมทางจึงเข้าไปพัก-
-ดนตรีเบาลง-
-บทอู้-
สุริยา                       น้องบัวระวงส์  เฮาเตียวมาก่อไกล๋มากแล้ว อ้ายว่าเฮามายั้งพักนอนเอาแฮง
กั๋นก่อนเต๊อะ
บัวระวงส์                  ดีเหมือนกั๋นเจ้าปี้ น้องก่ออิดก่อหิว บ่มีแฮงเตียวแล้ว
(ทั้งคู่เดินไปที่แท่นสำหรับนอน)
บัวระวงส์                  เจ้าปี้นอนตางนอกนี้เน้อบาทเจ้า  ส่วนน้องจะขอนอนตางใน
-ดนตรีบรรเลงเพลงพระลอ-
-ราชรถเสี่ยงทายออก มีเสนาอำมาตย์ ทหาร นางสนมกำนัล ถือของติดตาม-
-ของที่ถือ เช่น พานใส่พระมาลา (หมวกกษัตริย์) พานวางดาบสรีกัญไชย พานใส่รองเท้าแก้วมณี-
-พานเครื่องต้นเครื่องทรง พานน้ำอบหอมจันท์ พานโภชนาอาหาร พานดอกไม้ ฯลฯ- 
-ร้องคร่าวซอ ทำนองพระลอ-
บทต้น            อินตาเตพต๊าว จ้วยจั๊กเดินจ๋อน                         ม้าอัสดร ลากรถนำหน้า (รับ)
บทกลาง                    ฮื้อไปฮอดเถิง ยังพระหน่อหล้า                         เจ้าสุริยา   ต๋นรุ่งเรืองศรี
พญาอินทร์ตา กำบังอินทรีย์                           กับถงแก้วมณี บัวระวงส์น้องไว้ (รับ)
บทป๋าย           บ่ฮื้อ ไผหัน เหนือตกออกใต้                            สมคนิงใน เตวา
หื้อหันก้าเจ้า องค์พระเชษฐา                           คือเจ้าสุริยา ปี้เนอ (รับ)
บทต้อน           ขบวนม้าแก้ว สู่เขตสะหรี๋                              ยั้งพักทันที ตึงบ่หนี แล้วนั้น (รับ)
บทกลาง                    หันก้าสุริยา  นิ่งหลับอยู่หั้น                            องค์จ๋อมเจ้าจั้น หลับบ่เฟือนไหว
เสนาไปฮ้อง ยังหลับเงียบไบ้                            ไปฮ้องจะใด ตึงบ่ไหวก่อแต๊เล้า (รับ)
 บทป๋าย                   เอามือสอดหลัง สอดคอหน่อเหน้า                      ใส่รถเลื่อนเจ้า กุมมาร
หมู่คนหลวงหลาย ไหว้สายอสาน                      แห่เข้าเวียงวัง ไปเนอ (รับ)
-ขบวนราชรถอัญเชิญเจ้าสุริยาเข้าโรงไป-
-เจ้าบัวระวงส์ตื่นขึ้น ร้องเรียกหาพี่-
บัวระวงส์                  เจ้าปี้ เจ้าปี้สุริยา......เจ้าปี้สุริยา อยู่ไหนบาทเจ้า ...... เจ้าปี้เจ้า.....
-เจ้าบัวระวงส์ร้องเรียกหาเจ้าสุริยาหายเข้าโรงไป-
-ปิดม่าน-
จบปริเฉทที่ ๔
ปริเฉทที่ ๕
กั๋มม์เวรของบัวระวงส์

-ฉากกระท่อมตายาย-
-เวลากลางคืน-
-ดนตรีทำเพลงปู่หม่อนย่าหม่อน-
-ตายายนั่งบนแคร่, บัวระวงส์ออกมาเรียกตายาย-
-ดนตรีหยุด-
-บทอู้-
บัวระวงส์                  บ้านนี้ มีไผ๋อยู่ก่อเจ้า  ขอเข้าไปตางในได้ก่อเจ้า
ยายมา                     เสียงไผ๋มาฮ้องหน้าบ้านน่ะ ปู่จั๋นไปผ่อลอ
ตาจั๋น                      นั่นน่าก่า ไผ๋มาหา ค่ำๆ มืดๆ  (ตะโกนถาม) ไผ๋อยู่ตางนอกหั้น
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าเองเจ้า
ตาจั๋น                      ข้าเจ้า น่ะมันไผ๋ล่ะ
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าชื่อบัวระวงส์เจ้า
ตาจั๋น                      เออ....แล้วจะใด มีอะหยังกา
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าบ่มีบ้านอยู่ บ่มีตี้นอน  ข้าเจ้าขอนอนบ้านตาได้ก่อเจ้า
ยายมา                     (ออกมาดู) บ่ได้ บ่ได้ (ท่าทางรังเกียจ) แอะ....ไอ่ขี้ทูตขอทาน ไป๊ ไปไกล๋ๆ
ห้ามขึ้นมาบนบ้านกู
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าขอนอนซักคืนเตอะเจ้า ข้าเจ้าบ่มีที่ไปแล้ว
ยายมา                     บ่ได้
ตาจั๋น                      ยายมา กึ้ดว่าเอ็นดูมันเต๊อะ หื้อมันนอนปื้นหลองข้าวเต๊อะป๊ะ เอาบุญ
ยายมา                     เออ... นอนปื้นหลองข้าวปู้นเน้อ ห้ามขึ้นบ้านกูมาเด็ดขาด... เหม็นกลิ่นคนจน
บัวระวงส์                  (นั่งลงไหว้) ยินดีจ้าดนักเจ้าตา ยาย
ยายมา                     เออ...เอาก๋องไว้หั้นละ
บัวระวงส์                  ยายเจ้า ตาเจ้า
ตาจั๋น                      อะหยังแห๋มล่ะ ไอ้ยาจก
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าขอยืมกมตายาย หน่อยเจ้า
ตาจั๋น                      จะเอากมไปเยี้ยะหยัง
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าจะเอาไปส่องกิ๋นข้าวเจ้า ตางลุ่มนี้มันมืด
ยายมา                     (ขึ้นเสียงสูง) บ่ได้ บ่ได้ บ่ได้เด็ดขาด ปู่จั๋นจะไปหื้อมันเน้อ เดียวมันเผาหลองข้าวเฮา
จะว่าใด
ตาจั๋น                      บ่ได้ ไอ้ยาจกขอทาน ไป๊   ไปไกล๋ๆ เลย ไปอยู่ปื้นหลองข้าวปู๊น
-ตายายหลบเข้าไป-

             -บัวระวงส์เดินไปที่ยุ้งข้าว ด้วยความมืด จึงนำแก้ววิเศษออกมาเพื่อเป็นแสงส่องทานข้าว-
-จ๊อย-
           บัวระวงส์ไท้  เกิดความหิวโหย  จึงจกห่อข้าวขึ้นมา / เพราะว่ามืดล้ำ บ่หันผักป๋า  จิ่งนำแก้วมา  ส่องต๋ามกิ๋นข้าว / เสียรัศมี  แก้วดีแห่งเจ้า  มาใสส่องเทิงทั่วห้อง
-รัวที-
-ทำแสงวูบวาบเหมือนไฟไหม้  สองตายาย ทำท่าทางตกใจ-
-บทอู้-
ยายมา                     (ตะโกนโวยวาย) ไฟไหม้  ไฟไหม้หลองข้าว ไฟไหม้.....
ตาจั๋น                      ไหนๆ  ผ่อลอ  (ชะโงกดู)
ยายมา                     ปู้นลอ
ตาจั๋น                      บ่ไจ้ลอ ยายมา  บ่ไจ้ไฟไหม้   มันเป๋นแสงจากอะหยังซักอย่างเนี้ยะ
ยายมา                     แสงอะหยัง ปู่จั๋น
ตาจั๋น                      มันมาจากไอ้ยาจกคนนั้นน่ะก่า กำเดียว... ขอผ่อแห๋มกำลอ
ยายมา                     หันก่อปู่จั๋น
ตาจั๋น                      (ตื่นเต้น) โห... ยายมา แสงมันมาจากลูกแก้วของไอ้ยาจกคนนั้น
ยายมา                     มันเป๋นยาจกขอทาน หยังมีแก้ววิเศษล้ำค่าจะอี้
ตาจั๋น                      นั่นน่ะก่า  สงสัยมันไปลักของไผ๋มาก้า
ยายมา                     บ่ได้ก๋านละ ปู่จั๋น ไป... ฟั่งไปบอกป้อเศรษฐีบ่าเดี๋ยวนี้ เดียวเฮาจะมีโทษ
ตาจั๋น                      สูเฝ้าไป ข้าจะไปบอกป้อเศรษฐีก่อน
-ตาจั๋นเข้าฉากไป, แล้วออกมาพร้อมเศรษฐีปาละ และบ่าวรับใช้-
-บทอู้-
เศรษฐีปาละ               ไหนๆ  มันอยู่ไหน        
ตาจั๋น                      อยู่นี่เจ้า
เศรษฐีปาละ               ลากมันออกมาลอ
-บ่าวรับใช้เศรษฐี ๒ คนท่าทางแข็งแรง ลากแขนบัวระวงส์ออกมาหน้าม่าน-
-ปิดม่านหน้าสุด-
เศรษฐีปาละ               ไอ้ยาจกขอทาน มึงชื่ออะหยัง      
บัวระวงส์                  บัวระวงส์เจ้า
เศรษฐีปาละ               ของกูอยู่ไหน
บัวระวงส์                  ของอะหยังเจ้า
เศรษฐีปาละ               ก่อของตี้มึงลักกูมา
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าบ่ได้ลักอะหยังมาลอเจ้า
เศรษฐีปาละ               ไอ้นี่ปากแข็ง... เอาของกูคืนมา
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าบ่ได้ลักอะหยังเจ้า
เศรษฐีปาละ               เฮ้ย....ค้น
-บ่าวรับใช้เศรษฐีค้นถุงย่ามของบัวระวงส์ และนำมาแก้ววิเศษมาให้เศรษฐีปาละ-
บ่าวรับใช้                  เจอแล้วเจ้า ป้อเศรษฐี
เศรษฐีปาละ               (ตื่นเต้น) โห... นี่มันแก้ววิเศษคู่บ้านคู่เมืองนี่ รวยแล้วเรา (ออกคำสั่ง) เฮ้ย...
ญับไอ่ยาจกนี้ไว้ เอาไปขังคอกหลังบ้าน มันบังอาจมาลักแก้ววิเศษของกู         
บัวระวงส์                  แก้วนี้ของข้าเจ้า ข้าเจ้าบ่ได้ลัก
เศรษฐีปาละ               จะไปฟังมัน ญับมันมัดไว้ เอาไปขังคอก
ตาจั๋น                      ป้อเศรษฐีแล้วรางวัลข้าเจ้าลอเจ้า
ยายมา                     ของข้าเจ้าตวยเจ้า
เศรษฐีปาละ               (หยิบรางวัลให้) เอ้า... เอาไป  (ยกแก้ววิเศษขึ้นดู) คราวนี้ละ เฮาจะรวยขึ้นแห๋ม
๑๐๐ เท่า ๑๐๐๐ เท่า  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-เศรษฐีให้ลูกน้องจับตัวบัวระวงส์ไป เข้าโรงทางซ้าย-
-บัวระวงส์ออกมาอีกครั้ง พร้อมจอบ ตะกร้า เพื่อทำงาน-
-อ่านคร่าว-
          บัวระวงส์ท้าว บ่เสี้ยงเวรกั๋มม์  ถูกไจ๊ทำงาน  เป๋นทาสอยู่หั้น / ได้ฆาระวี   มีใจ๋ว่าอั้น  จ้วยเหลือองค์หน่อไท้  /  วันหนึ่งต๋นบุญ  ถูกบังคับไจ๊   ไปตางนอกทำงาน /  เผ้วถางขุดไม้ อยู่ใกล้สถาน  คุ้มของนงคราญ ปิมปาลูกเจ้า / บัวระวงส์  ปะองค์หน่อเหน้า  เกิดความฮักเจ้าทันที / เพราะปิมปาน้อง   เจ้าจ๋อมสะหรี๋      กับจ๋อมภูมี    เกยเป๋นคู่สร้าง / นางไจ๊ทาสา  เตียวมาแอมข้าง  มอบหมากเมี้ยงหื้อจาย   / บัวระวงส์ท้าว    จุ้มจื้นหัวใจ๋   แย้มยิ้มเป๋นนัย    สุขใจ๋แต้เจ้า...สุขใจ๋แต้เจ้า
-ดนตรีทำเพลงเขิงอาโป-
-นางพิมพาเข้าทางซ้ายก่อน,  ลูกน้องเศรษฐีคุมตัวบัวระวงส์เข้าทางซ้ายตามไป-
(การแสดงหน้าม่านกลาง)
-เจ้าเมืองสุวัณพรหมายืนอยู่กับเจ้าหญิงปทุมมา มีสนม ๒ คน หมอบเฝ้า-
-เศรษฐีเข้าเฝ้าเจ้าเมือง พร้อมฆาระวีลูกสาว เจ้าบัวระวงส์ และบ่าวรับใช้
-เศรษฐี ฆาระวี และบัวระวงส์เข้าเฝ้า
-อ่านคร่าว-
          กล่าวเถิงเศรษฐี  คนใจ๋บาปหนา ลู่แก้วเจ้ามาเฮือน / ต่อมาสินทรัพย์ อันใดก่อเปลื๋อง สังมาฮ้อนเฮือน
บ่เย็นจุ้มบ้าน / จึ๋งตัดสินใจ๋ ขายเสียว่าอั้น ค่าของมันบ่หน้อย
-เปิดม่านหน้า,  ปิดม่านกลางไว้-
-เปิดไฟ-
-บทอู้-
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       ว่าจะใดกั๋นเศรษฐีปาละ
เศรษฐีปาละ               ข้าเจ้าเอาแก้วมาขาย บาทเจ้า
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       ตอนนี้ข้ายังบ่มีจิตมีใจ๋ ซื้อขายอะหยังทั้งนั้น
เศรษฐีปาละ               ป้อเจ้ามีเรื่องกลุ้มใจ๋อะหยัง บาทเจ้า
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       ตอนนี้บ้านเมืองสุวัณพรหมาของเฮา มียักษ์ลงมากิ๋นคน ต้องส่งคนหื้อมันกิ๋น
วันละคนๆ จ๋นจาวเมืองเดือดร้อน ไผ๋ปราบได้ข้าจะยกเมืองหื้อเกิ่งหนึ่ง พร้อมกับ
ลูกสาวข้า ว่าจะใด....เศรษฐีปาละ  จะจ้วยข้าปราบยักษ์ได้ก่อ
เศรษฐีปาละ               อันเรื่องปราบยักษ์ ข้าเจ้าก่อบ่กล้าบ่เก่ง เพราะแก่แล้วบาทเจ้า แต่...เอ้อ ถ้าจะจ้วย
ป้อเจ้าได้ก่อมีเรื่องเดียวบาทเจ้า
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       จะจ้วยข้าเรื่องอะหยัง
เศรษฐีปาละ               คือข้าเจ้า มีนักโทษคนหนึ่ง มันเป็นคนขี้ลักขี้ขโมย มันลักแก้วข้าเจ้าไป ข้าเจ้าจึง
ญับมันขังคอกไว้ ข้าเจ้าจะถวายป้อเจ้า หื้อเอามันไปหื้อยักษ์กิ๋นบาทเจ้า
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       ไหน... ไอ่นักโทษคนไหน
เศรษฐีปาละ               คนนี้บาทเจ้า
-เศรษฐีให้บ่าวรับใช้นำบัวระวงส์มามอบให้เจ้าเมือง-
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       อืมม.....เจ้าหนุ่มหน้อย เยี้ยะหยังไปลักไปขโมยแก้วของเปิ้น
บัวระวงส์                  ข้าเจ้าบ่ได้ลักบาทเจ้า แก้วนั้นเป๋นของข้าเจ้า บาทเจ้า
เจ้าเมืองสุวัณพรหมา       เอ้า... เรื่องมันเป๋นจะใด เล่าหื้อข้าฟังลอ
-ร้องเพลงฟู่จ๋า-
บัวระวงส์                             บัวระวงส์ท้าว เล่าเรื่องหนหลัง     หื้อเจ้าเมืองฟัง จ๋นหมดจ๋นเสี้ยง
เจ้าเมืองบังคับ เศรษฐีหน้าเมี้ยง              หื้อคืนแก้วเจ้า โดยเร็วโดยไว
โพธิสัตว์เจ้า ฮับแก้วงามใส          แล้วอาสาไป ปราบยักษ์เถื่อนกล้า
-บัวระวงส์รับดาบสรี๋กัญไชยจากเจ้าเมือง ทุกคนทำท่าหยุดนิ่ง-
-ปิดไฟมืด-
-ทุกคนเข้าโรง เหลือบัวระวงส์ยินหันหลังคนเดียว-  
จบปริเฉทที่ ๕

ปริเฉทที่ ๖
บัวระวงส์สังหารยักษ์
-ทำฉากแสง สี ศิลป์ บัวระวงส์สังหารยักษ์ด้วยแก้ววิเศษ-
-ดนตรีทำเพลงแก้ววิเศษ-
-เปิดไฟ-
-บัวระวงส์ค่อยๆ เดินขึ้นไปยืนบนแท่น-
-อ่านคร่าว-
กุ๋มมารหน่อต้าว บ่มีใจ๋เกร๋ง         เทียวไปเล็งๆ จ๋นถึงตี้หั้น
แล้วอธิฎฐาน ด้วยบุญจั้นๆ                   หลอนกูหล้างยัง ปราบทิส
ขอหื้อสีแสง มณีลูกติ๊บ                        เป๋นไฟวู่ไหม้ ผับไป
          มณีโชติช้อย หยวาด ยวา แสงใส   เกิดก๋ายเป๋นไฟ อัคคีวู่ต้อง
ส่วนเจ้ายักขี ใจ๋มันเดือดข้อง                  ฟั่งลุกมาพลัน บ่จ๊า
ตะหยะต๋างหยาง พ่างซ่างคั่งคว้า             มาหาหน่อหล้า ทันที
          เจ้ายกดาบติ๊บ กั๋ญไจยสะหรี        ฟันไปแลที ถูกคอยักข์เถ้า
ปุดตกตี้หนอง ก๋องลงฮิมเจ้า                  บ่กลับคืนมา ป๋อกปิ๊ก
ยักษ์เถ้าผีมาร เลยดับจีวิต                    กับองค์หน่อเจ้า ไปดาย   
-เจ้าชายบัวระวงส์ขึ้นเวทีหมุน แล้วเดินลงมายืนกลางเวที มเหสีทั้ง ๓ องค์ออก-
-ร้องเพลงบัวระวงส์-
          เอาสามเมียแปง เจ้าบิดแย่งไว้      มาต่างห้อง คนเมือง
ปทุมมาน้อง ทองใบสีเหลือง                  ฆาระวีเมือง บุญเรืองหน่อเหน้า
นางพิมพา ธิดาชาติเจ้า                       สามนางเลา อยู่พร้อม
ได้เป๋นสมเด็จ พระนางนั่งล้อม                กับต๋นท่านเจ้า สามี


เอาสามเมียแปง เลิศลักษณ์อิตถี    มาอยู่ร่วมห้อง บุรี
บัวระวงส์ไท้ ปราบไพรโลกี๋                   เสวยบุรี จำป๋าใหญ่กว้าง
อยู่สุขขะเสม  บำเพ็ญบุญสร้าง               ต๋ามทศธัมม์ บ่ม้าง
ฝูงกติธัมม์ บ่หื้อได้ว้าง                         สมสืบสร้าง เมืองพิงค์
-บัวระวงส์พามเหสี ๓ องค์ เข้าทางขวา-
-ปิดไฟ-
-ปิดม่าน-
จบปริเฉทที่ ๖

ปริเฉทที่ ๗
ทำดีขึ้นสวรรค์ ทำชั่วตกนรก

-อ่านคร่าว-
          บัวระวงส์ท้าว บุญน้าวมาหา        พบสุริยา ตี้เมืองลุ่มใต้
จึ่งตกลงกั๋น รวบรวมพลได้                    ปิ๊กจำป๋าเมือง  แม่ฮัก
โยธาหลวงหลาย ติดต๋ามคั่งคัก               จ๋นเต๋มต้งกว้าง นาเฟือง
คนหลายมากล้ำ ตวยหน่อคำเหลือง          รี้พลสามเมือง คนหลายโกฏิตื้อ
-ขบวนทัพของสุริยา บัวระวงส์ เดินผ่านหน้าม่านแล้วเข้าโรงไป-
                             หน่อเจ้าตังสอง พักดีนิ่งดื้อ ปลงเครื่องครัวมี จุ๊ไว้
กลั๋วพระปิตต๋า สะดุ้งคลั่งไคล้                 ใจ๋ตื่นเต้นสำคัญ
จิ่งหื้อล่ามใช้ พระกราบรองก๋าร              บอกพระภูบาล ปิตต๋าป้อเจ้า
ว่าสุริยา ตี้เป๋นลูกเต้า                         กับบัวระวงส์ หน่อน้อง
จักมาแอ่วหา ญาติพวกเพื่อนพ้อง   ได้พลัดพรากห้อง เมินมา
อาลัยหาล้ำ ปิตต๋ามาต๋า                      ได้เอาโยธา มาหลายบ่เหล้น
ขออย่าตกใจ๋ หะทัยตื่นเต้น                   กึดเป๋นเสิ้กมา ลู่รบ
บ่ถ้าสงสัย น้ำใจ๋จักคด                        อันสองลูกเต้ามาดี
-เสียงพูดในโรง-
ก๋าไวย            อย่าไปเชื่อเจ้า... เจ้าปี้ ไอ่สองปี้น้อง มันจะมาฆ่าเจ้าปี้ มันโกรธ (โขด) เจ้าปี้ ที่สั่งประหารมัน
จะไปหื้อมันเข้าเมืองมาได้เน้อเจ้า....ลูกไชยทัต จัดก๋านมันเลย
ไชยทัต            เฮ้ย....ตะหาน เอาปืนไฟยิงมันเลย
(เสียงปืนไฟ)
นันทเสนา        ยิงมันบ่ถูก มันอยู่ไกล๋ มาลูกก๋าไวย  ขึ้นช้าง (จ๊าง) มากับป้อ  หลานไชยทัตขี่จ๊างตัวปู้น......
มา....ป้อจะออกไปฆ่ามันหื้อต๋ายทั้งไอ่สุริยา ไอ่บัวระวงส์
-เสียงช้างร้อง เสียงโห่ร้องของทหาร-
-เสียงแผ่นดินถล่ม เสียงทั้งนางก๋าไวย ไชยทัต นันทเสนา ร้องโหยหวน-
-อ่านคร่าว-
                             ทั้งไชยทัต ก๋าไวยบาปหนา          นันทเสนา กั๋มม์ตวยตันได้
ต่างตกจ๊างต๋าย ลงดินต่ำใต้                   สู่นรกอบาย ตี้ตึ้ก
          แผ่นดินหนา ลั่นลงคะลึก            เป๋นช่องอ้า อมเอา
ลวดหมดเสี้ยงซ้ำ บันดาหมู่เขา               มีโต๋ดบ่เบา สามคนตี้หั้น
-เปิดม่าน-
-เปิดไฟ-


-ทำเป็นเวที ๒ ชั้น-
-เวทีบนอยู่ด้านขวาเป็นสีขาว (สวรรค์-ความดี) มีสุริยา บัวระวงส์ พญาก๋าไลย นางจั๋นตา มเหสี ยืนอยู่-
-เวทีล่างด้ายซ้ายเป็นสีดำ (นรก-ความชั่ว) มีนางก๋าไวย ไชยทัต นันทเสนา เศรษฐีปาละ ยายมา ตาจั๋น-
-ถูกยมบาลลงทัณฑ์อยู่-
-ใช้แสง สี ศิลป์ เข้าช่วย-
-ขับต๋ำนองเพลงพลานุภาพ-
ทำดีส่งสู่สวรรค์                      แดนวิมาน
ทำชั่วไฟนรกผลาญ                           มอดไหม้
ธรรมะพระพุทธองค์สอน                     มนุษย์โลก เฮาแฮ
บัวระวงส์หงส์อามาตไท้                       ฝากไว้ เตือนต๋น (เจ้าเฮย)
-ปิดไฟ- -ปิดม่าน-
จบการแสดง

สมภพ  เพ็ญจันทร์ / ร่างบท ๒๒ พฤศจิกายน  ๒๕๕๖

เอกสารอ้างอิง
เชียงใหม่,วิทยาลัยครู. ค่าวบัวรวงส์หงส์อามาต. ต้นฉบับจากคุณทวี สว่างปัญญางกูร ปริวรรตโดยนักศึกษา
วิชาเอกวัฒนธรรมศึกษา รุ่นที่ ๑ , ศูนย์ศิลปวัฒนธรรม สหวิทยาลัยล้านนา เอกสารลำดับที่ ๒๒ ,
กรกฎาคม ๒๕๓๐.
โลมาวิสัย,พระยา. โคลงเรื่องหงส์ผาคำ. เอกสารโรเนียวเย็บเล่ม, มปพ. มปป.
ศิวาพร  วัฒนรัตน์.  วรรณกรรมนิทานคำโคลงของล้านนา ลักษณะเด่น ภูมิปัญญาและคุณค่า.
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)  เชียงใหม่ : หจก.ธนุชพริ้นติ้ง, ๒๕๕๔.
สกุล  มหาวีโร, พระมหา.  บัวรวงศ์หงส์อำมาตย์. วัดชัยศรีภูมิ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
เชียงใหม่ : หสน. ส.ทรัพย์การพิมพ์, ๒๕๕๓.