วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564

พระธรรมเทศนา เรื่อง เต่าน้อยอองคำ (นางอุทธะลา)

 พระธรรมเทศนา เรื่อง เต่าน้อยอองคำ (นางอุทธะลา)

 

สืบชะตาคนเกิดเดือนห้าเหนือ

แสดงพระธรรมเทศนาโดย

พระอธิการรัตนติพงศ์ มหาคมฺภีรวํโส

เจ้าอาวาสวัดบ้านมอญ (ต้นโพธิ์แฝดศักดิ์สิทธิ์)

ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่

โทรศัพท์ ๐๘๘-๙๕๖๙๒๖๖

 

นโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ

 

เอกัตสะมิง เอลัน สะมะเย สัตถา สาวัตถิยัง  วิหารันโต อุทธะลา วะรติ อารัมภา กะเถสิ สัตถา สัพพัญญู พระพุทธเจ้า ต๋นเป๋นปิ่นเกล้า ติโลกะจั๋น อยู่สำราญ ยังป่าเชตนาราม อันเศรษฐีใจงาม ชื่ออนาถะปิณฑิกะ มหาเศรษฐี หากได้สร้างเป๋นทาน แก่พระตะลงญาณที่ไหว้ อันมีนอกเวียงใหญ่สาวัตถี ก่อมีหั้นแหละนา

 

อรรถะในกาละนั้นเล่า พระพุทธเจ้าก็ปรารภ นางอุทธะลาหื้อเป๋นเหตุ พระจึงปะวะติเทศน์เทศนา ว่าภิกขะเว ดูราภิกขุตังหลายมวลหมู่ อันนั่งอยู่ฟังธัมม์ จุ่งดาจำฟังถี่ เฮาจักชี้แนวนัย ไปภายหน้านี้หละนา อันว่านางอุทธะลานั้นเล่า เกิดเป๋นลูกเก๊าอุปปะเศรษฐี กับนางเตวีชื่ออุชุจิตา อันว่าเศรษฐีนั้นนา ยังมีเมียน้อย ชื่อว่านางบาปถ่อยมิสารี ก่อมีบุตรีชื่อสามา อันมักปาลาหยาบช้า มักปองฆ่านางอุชุจิตา เมียเก๊าหั้นแล อันว่านางมิสารี คนบาปกัมม์มีตอบส้าย เป๋นพงศ์ผ้ายหยาบร้ายตัวถ่อย มักขี้ด้อยกินปล๋าดิบแดง หั้นแล

 

เอกะทิวะสัง  ยังมีในวันหนึ่งเล่า อุปปะเศรษฐี ก่อกับเตวีตังสอง เจ้าว่าเรานี้เล่าอยู่ดายๆ กวรผันผายไปสู่ ยังตี้อยู่ธารา เพื่อหาปูปล๋าสัตว์น้ำ มากินมื้อค่ำยามดี กันว่าปู่เศรษฐีกล่าวแล้ว ก็พาเมียมิ่งแก้วตังสอง ล่องเนื้อปองหาปล๋า ไปหั้นแล

 

ส่วนว่ามิสารี ผู้เป๋นเมียน้อย มักของถ่อยดิบแดง กอนตะวันแลงบ่ายจว้าย นางยับได้ลักกิ๋นปล๋า อันผัวหามาได้บ่ค้าง ตี้นั้นนางบุญกว้างอุชุจิตา อันเป๋นภริยาผู้เก๊า หันนางบาปเส้ากิ๋นปล๋าดาย ก็รู้ว่านางนั้น เป๋นพรายถ่อยร้อย ตี้นั้นปู่เศรษฐีใหญ่  ก่อไขจ๋าบอกหื้อ สองขาได้รู้ ว่าดูรากลิ่นคู้เหยใกล้จักค่ำ เราจักพร่ำขึ้นสู่ ยังที่อยู่เคหา

 

ตี้นั้นนา นางมิสารีบาปเส้า กันรู้ว่าจักปอกเต้าเมือเฮือน นางมีใจเฟือนไหม้หมาด เหื่อย้อยหยาดเป๋นสาย เหตุพาไลในข้อง นางลักย่องกินไป ก่อฟ้าวจ๋าไขเซิ่งผัวเจ้า ว่าข้านี้เล่าสังมาแก๋น ปล๋าเต๋มแดนแต้ไซร้ ข้าสังบ่ได้สักตั๋ว ขอผู้ผัวได้โยกย้าย จากตี้ท้ายไปสู่ ได้นั่งอยู่หัวเรือ จิ่มเต๊อะปี้เจ้า

 

ส่วนเศรษฐีนั้นเล่าก็บ่ช้า หื้อนางหน่อหล้าอุชุจิตา ผู้เป๋นภริยาผู้เก๊า ไปแตนตี้เก่าเมียน้อย เอานางบาปถ่อย ไปนั่งหัวเรือกันแล้ว นางหน่อแก้วผู้เป๋นเมียเก๊า ลืมข้องเก่าเอาไว้ นางบาปใบ้ผู้เป๋นเมียหน้อย ผู้มีใจถ่อยจั๋งไร มือมันไวก่อเปลี่ยนข้อง บัดเดียวหั้นแล

 

กันต๋าวันค่ำตกต่ำ เศรษฐีก่อพร่ำขอดูปล๋า อันต๋นหากหามาได้ อันหื้นปล๋าไว้เสมอกั๋น กันไขปั๋นกล่าวแล้ว ก่อขอผ่อข้องนางแก้วเมียหลวง ก่อหันข้องกล๋วงเปล่าว่าง บ่มีค้างปล๋าซักตั๋ว มีใจ๋มืดมัวปั่นบ้า ก่อถามนางหน่อหล้าอุชุจิตา ว่าจุมหมู่ปล๋าหาได้ เอาไปไว้เสียไหน นางก่อจ๋าไขบอกเล่า ว่าข้าหน่อเหน้าก่อเอาใส่ข้อง ยามเมื่อน้องเปลี่ยนค้าย ก่อหื้อข้านั่งท้ายเรือ ข้าก่อลืมได้ข้อง ไว้ตี้หัวเรือ หั้นแล

 

ตี้นั้น นางมิสารีเมียน้อย ก่อด่านางยอดสร้อยเมียหลวง ว่าข้องมันกล๋วงนั้นไซร้ ก่อย้อนมันกิ๋นบ่ไว้ ยังปลาดิบแดง นั่นแล

 

ตี้นั้น อุปปะเศรษฐี อันหลงรักนางกาลีเมียน้อย ก่อด่านางยอดสร้อยอุชุจิตา ว่าอี่ปาลาต่ำช้ากิ๋นปล๋าดาย มึงเป๋นโพงพรายผีเผต เศรษฐีก่อเกี้ยดเอาไหม้ ก่อเปี๋ยได้ไม้ฟายเรือบ่ช้า ตี๋หัวนางหน่อหล้าเมียหลวง นางก่อมาต๋ายม้วยม้าง ตี้กลางน้ำกว้างมหานที แล้วปู่เศรษฐีบ่ช้า รีบฟายเรือกว่าขึ้นสู่ ยังที่อยู่เคหา นางอุทธะลาหันป้อต๋น ปิ้กปอกหนขึ้นมาดั่งอั้น บ่หันนางเจื่องจั้นผู้เป๋นแม่ ก่อกล่าวแก่พ่อเศรษฐี ว่าแม่ข้าหนีไปไหน จึงบ่คลาไคล ป้อกเต้าคืนมานั้นจา

 

ตี้นั้นนางมิสารี ผู้เป๋นแม่น้า ตอบว่ากำไป ว่าแม่มึงจังไรสำส่อน มันไปแจ้ล่อน กับหมู่คนร้าย บ่อั้นก่อต๋ายมูบมู้ หื้อปู๋ปล๋าอยู่มหานที ได้กินอิ่มพีเลี้ยงไส้ หื้อมึงร้องไห้อยู่ท่าเต๊อะเนอ ว่าอั้น 

 

อันนางเจื่องจั้นอุทธะลา กึดว่าแม่ไปตั้ดมานั้นไซร้ หรือแม่ไธ้จ๋มวังธาร ก่อมีใจผานต่ำคล้อย ไห้สะส้อยไปมา นางก่อพิจารณากึดสอด ว่าแม่เตี่ยงม้วยมอดเป๋นผี ก่อเต้าเครื่องขี้เถ้าไหม้ ก่ออย่าร้องไห้เช็ดน้ำตา อยู่หั้นแล

 

อะถะ อุชุจิตา มรณา สะกา สิ จะ โต สุ วัตโก ธัมมา โห สิ ภิกขะเว ดูราภิกขุตังหลาย กันนางอุชุจิตาต๋ายม้วยม้าง ตี้น้ำกว้างวังธาร กั๋มม์ปาปานไปเกิด เป๋นเต่าคำเลิศอยู่สร้าง ในน้ำกว้างมหานที ตั๋วใหญ่พีแต้เล้า มอกด้งฝัดข้าวเมืองคน ก่อมีหั้นแล

 

ตะตา ในกาละนั้น ยังมีหมาตัวผู้ อาศรัยอยู่บ้านเศรษฐี มันหากรู้ดี ว่านางอุชุจิตา ได้มรณามูบมู้ หมาตัวผู้โลดแล้ว ก่อบอกนางแก้วอุทธะลา นางบุญหนาบ่ช้า ก่อปาหมาตัวกล้าปู้ดำ รีบนานำไปสู่ ยังตี้อยู่วังธาร บ่ปอนานแต้เล้า ก่อมีเต่าอองคำ มาสู่ยังตี้อยู่นางอุทธะลา ตังสองขาลูกแม่ ต่างกล่าวแก่เซิ่งกั๋นไปมา   หั้นแล

 

อันว่านางมิสารีแม่น้า ปองจักฆ่านางอุทธะลา กับตางมาดาแม่เจ้า อันต๋ายเป๋นเต่าอยู่นที นางกาลีแม่น้า แสร้งเป๋นเปียธิก้าลำบาก เยียะใค่อยากของกิ๋นลำ กิ๋นเนื้อเต่าคำอ่อมส้า บอกขาดว่าจะคืนได้ ย้อนเป๋นโพงพรายหวานจ่องห้อย มักกิ๋นด้อยของดิบแดง แสร้งจาแป๋งต่อผัวเจ้า ว่ากันบ่ได้กิ๋นเต่าตั๋วหลาย  จักกลั้นใจต๋ายบ่ช้า บ่หื้อได้หันหน้าผ่อส่อง แลนา

 

อันว่าปู่เศรษฐี ฟังนางกาลีกล่าวถ้อย ก่อกลั๋วเมียน้อยจักวำวาย ก่อปาหญิงจายข้าใจ้ มีหลายบ่ได้ไปสู่ ยังตี้อยู่วังธาร แล้วกระทำก๋ารเอาแหทอด เพื่อหายังเต่ายอดตัวคำ น้ำปอขุ่นดำไปไคว่ ยังบ่ห่อนได้เต่าตัวหลวง คนปันปวงมวลหมู่ ต่างเซาะหาเต่าอยู่ไปมา

 

ตี้นั้น นางเต่าคำ มันก่อได้ยินกำ คนใหญ่หน้อย หากกล่าวถ้อยจ๋ากั๋น ก่อผายผันบ่ช้า ไปหาลูกหล้าอุทธลา อันได้มาอยู่ถ้า ตี้ริมท่าวังธาร แล้วจ๋าหวานต่อต้าน ตอบว่าสอนลูกหน้อย หน่ออุทธะลา ว่าดูกร สายต๋าเห๋ยลูกหน้อย กันแม่คลาดคล้อยเป๋นผี ลูกอย่าโศกี๋ไหม้เอา อย่ากระทำบาปเส้ามัวทำ หื้อเว้นกั๋มม์หยาบช้า มีศีลห้ากับตั๋ว อย่าเมามัวตางถ่อย หื้อใฝ่ห้อยเตตาน กันเต่าเจียงคลานกล่าวแล้ว ก่อจากลูกแก้วหนีไป

 

บ่นานเท่าใดแต้เล่า กั๋มม์ก่อนเก่ามาตัน ก่อถูกแหหว่านต้อดใส่ คนหน้อยใหญ่ญิงจาย ก่อปาเต่าลายจากน้ำ จั้กลากล้ำไปสู่ ยังตี้อยู่บ้านเศรษฐี นางมิสารีหื้อข้าใจ้ อันต้มน้ำร้อนไว้บัดเดียว แล้วจ๋าเหลียวกล่าวถ้อย หื้อนางอ่อนหน้อยอุทธะลา เอาเต่ามาลงสู่ ยังตี้อยู่น้ำร้อน อันบ่ผ่อนปุ่นปั๋น บ่ปอนานเนิ่นจ๊า เต่าก่อคว่ำหน้าวำวาย ด้วยบุญหลายได้สร้าง ก่อบ่ห่างร้างหายหน ก่อได้เอาต๋นไปเกิด ในห้องฟ้าเลิศเมืองสวรรค์ ก่อมีหั้น แลนา

 

กันว่าเต่าคำตั๋วนั้นต๋าย นางผีพรายบาปใบ้ ก่อหื้อข้าใจ้เอาแก๋ง แล้วกิ๋นยามแลงอิ่มต๊อง บ่โศกต้องเคืองเข็ญ

 

ยามนั้น หมาตัวดีหากรู้ ก่อบอกนางกลิ่นคู้อุทธะลา ว่าต๋นมาต๋าแม่ไธ้ ได้จ๋าสั่งไว้ก่อนต๋าย ว่ากันนางวำวายม้วยหม้าง หื้อเอาดูกก้างไปฝังไว้ ตี้จิ่มใกล้ประตูเวียงหั้น แลนา

 

กันว่าหมาปู๊จ๋ากล่าวแล้ว  ก่อรีบคลาดแคล้วไปสู่ ยังตี้อยู่บ้านเศรษฐี คาบดูกเต่ามีไววาด ไปหื้อนางนาฏอุทธะลา กันนางบุญหนาได้แล้ว ยังดูกแม่แก้วแก่นไธ้ ก่อเอาไปฝังไว้บัดเดียว ตี้ริมตางเตียวประตู๋ชัย บ่เมินเต้าใดก็กล๋ายเกิด เป๋นต้นสะหลี๋เลิศเจียงคาร นั้นแลนา

 

ตะต๋า ในกาละนั้น ต๋นท้าวเจ้าพาราณสี ก่อได้ยินข่าวมีมารอด ว่ามีต้นยอดสะหลี๋ มหาโพธิ์รุกขา งามนักหนาผ่องแผ้ว ท้าวต๋นแก้วหอจั๋น ก่อมีใจ๋ใค่หันแต้เล้า ยังต้นเก๊าโพธิ์สะไหล ก่อปาเสนาในมวลหมู่ รีบไปสู่บัดเดียว ก่อมีใจเหลียวใค่ได้ ไปปลูกไว้ในปุรี ก่อหื้อเสนาบดีขุดออก ก่อมีหั้นแลนา

 

กันเสนาใหญ่หน้อย นับอันร้อยขุดค้าย บ่ห่อนย้ายสันใด ท้าวหอจัยยศอาจ หันประหลาดอัศจรรย์ จิ่งไขปั๋นกล่าวถ้อย กันว่าคนใหญ่หน้อยหญิงจาย มีบุญหลายแต่ไซร้ ขุดค้ายได้ยังต้นโพธิ์สะไหล เข้าปลูกในเวียงชัยนั้นเล่า จักมีของมากเท่าตกปั๋น เป๋นรางวัลยื่นต้อน ยามนั้น นางน้อยอ่อนอุทธะลา ก่อเข้ามาหาบ่ช้า ไหว้เจ้าฟ้าพาราณสี

 

ตี้นั้น โพธิ์สะไหลตี้ต้นประเสริฐ ก่อบังเกิดยอต๋นว่าค้าย ย้ายออกไปอยู่ยังฝ่ามือนาง ท้าวหอขวางยศอาจ หันประหลาดอัศจรรย์ ก่อปานางจอมขวัญอุทธะลา ขี่ช้างมาเป็นคู่ เข้ามาสู่ปุรี เอาเป๋นเตวีแนบข้าง  ร่วมอยู่สร้างเสวยเมือง ก่อมีหั้นแหละนา

 

ตะต๋า ในกาละนั้นเล่า ปู่บาปเส้าเศรษฐี กับอี่กาลีแม่น้า ลวดนางหน่อหล้าอุทธะลา ได้เป๋นชายาท้าวเจ้า ก่อไหม้เอาเขื่องควี ใค่ฆ่าตีนางอุทธะลา ปู่บาปหนาหยาบช้า ก็แสร้งเป๋นเปียธิก้าหนักหลาย ก่อนัดหมายกันไว้ หื้อสาวใช้ไปสู่ ยังตี้อยู่บุรี ก่อไขวาทีบอกเล่า ตั้งแต่เก๊าสุดป๋าย กับนางบุญผายโลดแล้ว ก่อฟั่งมาหาป้อแก้วเศรษฐี ก่อมีหั้นแลนา

 

อันว่าปู่เศรษฐี และนางถ่อยไร้  ก่อขุดขุมไว้เป๋นดี ปายในมีหนามและขวาก อันเหลี้ยมแซวมากหนำหนา กันนางอุทธะลาเตียวไต่ ก็ตกขุมใหญ่ลงไปจ๋ม แล้วหมู่ฝูงจุมข้าใจ้ แห่งปู่บาปใบ้เศรษฐี ก่อเอาน้ำร้อนมีรดราด นางน้อยนาฏอุทธะลา ก็ลวดมรณาม้วยหม้าง ในขุมกว้างตางเตียว ก่อมีหั้นแลนา

 

ตี้นั้น หมู่คนใจ้ปู่เศรษฐี ก่อเอาเครื่องประดับดีบ่เส้า แห่งนางหน่อเหน้าอุทธะลา ไปหื้อนางสามา  หน่อหล้า ลูกแม่น้ามิสารี ก่อนางประดับดีเมี้ยนแล้ว ก็ปานางแก้วไปสู่ ยังที่อยู่เวียงจัย

 

แล้วจ๋าไขโอกาส ซึ่งท้าวราชปาราณสี อันว่าท้าวปุรียอดสร้อย หากฮู้ถี่ถ้อยจู้อันๆ จิ่งไขปั๋นโอกาส หื้อเพชฌฆาตใจหาญ  กระทำก๋ารบ่จ๊า  เอานางไปฆ่าบัดเดียว  เพชฌฆาตเร็วไววาด   ฆ่าแล้วปาดเอาแป๋งจิ้นส้ม ไป่ตันล่มสันใด แล้วเสนาในหนุ่มเถ้า ไปหื้อปู่บาปเบ้าเศรษฐี ก่อมีหั้นแลนา

กันเติงยามคาบข้าว ปู่บาปเส้าก่อกิ๋นจิ้นส้ม อันสุกบ่ล่มก่อไปหันใส่ นิ้วมือบ่ใหญ่ป๋านกล๋าง หากเป๋นนิ้วมือนางลูกเต้า สองบาปเส้าจั๋งไร ทุกข์โศกใจ๋เฝ่าไหม้ เยี้ยะร้องไห้ดาจักต๋าย ย้อนกิเลสหลายจ่องห้อย ตัณหาถ่อยบังเอา

 

เป๋นดั่งกำแต่ไท้ ไขบอกไว้เดิมที ว่าหันเปิ้นมีอย่าใค่ได้ หันเปิ้นยากไร้อย่าดูแควน มีเงินแสนอย่าอวดโอ้ จ้างมีโทษตวยมา นั้นแลนา

 

กันว่านางอุทธะลาม้วยหม้าง ในคมกว้างขวากหนาม บุญอันงามสร้างไว้ พาไปเกิดเป๋นหน่วยไม้ปินคำ ในดงดำป้าเส้า ก่อมีสองเถ้าเข็ญใจ๋ นำหมากปินคำไปลี้ซ่อน ไว้ในบ่อนตูบหน้อย คลาคลาดย้อยหลุดไหล ยามสองเข็ญใจบ่อยู่ นางกลิ่นคู้อุทธะลา ก่อออกมาจากปินคำ แล้วหนาหนำปัดกวาด หื้อเฮือนสะอาดหมดใส จ้วยสุมไฟนึ่งข้าว กันสองเถ้าปิ้กป้อกปากั๋น สองขาก็หันกัญญาน้อยนาฏ วรรณะสะอาดเหลือคน เฝ้าเฮือนตนนั่งอยู่ ก่อกล่าวอู้จ๋าถาม กันฮู้ความถี่ถ้อย ก่อฮักนางอ่อนหน้อยดั่งบุตต๋า

 

กันว่าสองอนาถาปู่ป้า ไปสอดป่าดงดาน ตี้เก็บดวงบานดอกสร้อย มาเสียบร้อยไปขาย ยามนั้นเสนาในท้าวเจ้า ป้อเป็นเก๊าพาราณสี หันดวงดีดอกไม้ ก่อซื้อถวายท้าวไธ้ทะรงเมือง อันว่าท้าวบุญเรืองนั้นเล่า หากเป๋นหน่อเหน้าพระเจ้าสัพพัญญู มีผะหญาดูจบจอด ก่อรู้รอดขียา ว่าปวงบุปผาดอกสร้อย เป๋นของนางอ่อนหน้อยอุทธะลา อันมรณาแล้วเกิดใหม่ ท้าวยศใหญ่ดูแล้ว ก่อขี่ช้างแก้วมงคล นำรี้พลมวลหมู่ รีบไปสู่สวนอุทยาน ก่อปะนงคราญหน่อหล้า งามเงื่อนฟ้าอุทธะลา ไปเป๋นชายายศสร้าง ในปราสาทกว้างพาราณสี เป๋นเตวีหน้อยอ่อน ดั่งแต่ก่อนหนหลัง มานั้นแหละนา

 

ตีนี้ จะพรรณนาเล่าเถิง ปู่บาปเส้าเศรษฐี กับนางกาลีแม่น้า อันได้ฆ่านางเต่าคำ หากเป๋นบาปกั๋มม์ บ่หน้อย ตกเมื่อสร้อยนานมา ซ้ำฆ่านางอุทธะลาแถมเล่า อันปู่บาปเศร้าจังไร และนางใจ๋ไฟกล้าหยาบ กระทำบาปหึกหนา บาปกั๋มม์มาตอบส้าย ได้ตกร้ายอะเวจี๋ เสวยตุ๊กขีหลายแหล่ บ่เว้นแว่คืนวัน แลนา

 

ส่วนว่า พระญาพรหมทัตนั้นราช เจ้าผาสาทเจ้าพาราณสี กับเตวียอดสร้อย คือนางอ่อนหน้อยอุทธะลา บ่ปาลาหยาบเศร้า ทุกค่ำเช้าพ่ำเพงธัมม์ มีศีลจ๋ำบ่ขาด บ่ประมาทตางตาน เหิงเมินนานแต้เล้า ลวดแก่เฒ่าชรา ลวดมรณาละพราก ต๋ายละจากเมืองคน ก่อเอาต๋นไปเกิด ในห้องผะเลิศดุสิต๋า ก่อมีหั้นแหละนา

 

สะทา อิมัง ธัมมะ เตสะนัง จ๋าตะกั๋ง สโม ทาเน สิ สัตถา  อันว่าสัพพัญญูพระพุทธเจ้า หากจักชาติเก่าปางหลัง มาเตียมยังชาตินี้ หื้อแจ้งถี่หันใส พระจิ่งไขโอกาส เป๋นบทบาทคาถา

 

ว่าตะตา อุปปะเศรษฐี  เตวทัต โต๋ ดังนี้ เป๋นต้น ภิกขะเว ดูราภิกขุทั้งหลาย อันว่าอุปปะเศรษฐีหยาบช้า ฆ่านางหน่อหล้าอุจุติมา  แม่นางอุทธะลานั้นไซร้ หากมาได้เทวทัตเถระ ในกาละบัดนี้

 

ส่วนว่านางมิสารี ผู้เป๋นน้าใช้ หยาบกล้าปาลา  มักกินปล๋าดิบแดง ในกาละนั้นไซร้ ตือหากมาได้นางจิณจามาณวิกา ในกาละบัดนี้ แลนา

 

ส่วนอันว่านางอุชุจิตา ผู้เป๋นแม่นางอุทธะลานั้นไซร้ คือหากมาได้นางวิสาขา อุปาสิกาในกาละบัดนี้ แลนา

 

 อันว่านางอุทธะลา อันต๋ายแล้วเกิด อยู่บ่เหิดสองที ย้อนกั๋มม์มีแต่ไท้  อันต๋นสร้างไว้นำมา ในกาละนั้น เกิงหากมาได้ นางยะโสธรา ในกาละบัดนี้ แลนา

 

 เส สา จะ นา พุทธ บริสา ส่วนว่าอันคนตังหลายมวลหมู่ อันตั้งอยู่ต๋ามธัมม์ ในกาละนั้นไซร้ คือหากมาได้ พุทธบริษัทตังสี่ คือ ภิกขุ ภิกขุณี อุปาสก อุปาสิกา แห่งพระตถาคตะ ในกาละบัดนี้ แลนา

 

พรหมทัต ราชะ กุมาร โลัง เม โลกะ นาโถ ส่วนอันว่าพระญาพรหมทัตราชเจ้า ผาสาทพาราณสี  ในกาละนั้นไซร้ เกิงหากมาได้ พระตถาคตะ ต๋นเป็นตี้จั้งตี้เปิ้ง แก่โลกตังสาม ในกาละบัดนี้ แลนา

 

โย ปุคโล อันว่าปุคลาญิงจายฝูงใด ได้เกิดมาในเดือนห้าก่อดี ได้สร้างธัมม์อุทธะลา อันเป๋นธัมม์ชะตาเดือนเกิดแห่งต๋น น้อมนำมาถวายเป็นตาน ค้ำชูศาสนาพระพุทธเจ้า อุตตะมะ ถานัง ก่อเป๋นยอกตานอันอุตดมจัยเลิศแล้ว จักปาหื้อได้คลาดแคล้วจากภัยมาร ได้สดชื่นเชยบาน ชาตินี้และชาติหน้า อันว่าเคราะห์เก๋นเวรต้นและบาปกั๋มม์ตังหลาย อย่าได้มากล้ำกราย หื้อหายไปกับไฟ หื้อไหลไปกับน้ำ ฝูงโรคาเปียธิทั้งหลายอย่าได้มาใกล้ แม่นฮิก็หื้อปันมา แม่นหาก่อหื้อปันได้ หื้อได้อยู่สบาย จุ้มเนื้อเย็นใจ๋ อย่าได้ประมาททางตาน กันต๋ายจากโลกหล้าเมืองคน ก่อหื้อเอาต๋นไปเกิด ตี้จั้นฟ้าเลิศเมืองสวรรค์ มีด้วยประก๋ารดังกล่าวมานี้ แลนาย

 

นิฏฐิตั๋ง ขียาสังวรรณณาวิเศษ จ๋าห้องเหตุ ยังนางอุทธะลาเต่าหน้อยอองคำ ก็บังคมสมเร็จ เสด็จฯ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น