วันอังคารที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2564

เนื้อเรื่องย่อ เต่าน้อยอองคำ (นางอุทธะลา) ในพระธรรมเทศนา

 

เนื้อเรื่องย่อ เต่าน้อยอองคำ (นางอุทธะลา) ในพระธรรมเทศนา

 

แสดงพระธรรมเทศนาโดย

พระอธิการรัตนติพงศ์ มหาคมฺภีรวํโส

เจ้าอาวาสวัดบ้านมอญ (ต้นโพธิ์แฝดศักดิ์สิทธิ์)

ตำบลสันกลาง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่

 

 

นางอุทธะลา เป็นลูกคนโตของอุปปะเศรษฐี กับนางอุชุจิตา เศรษฐีมีเมียน้อย ชื่อว่านางมิสารี มีลูกสาวชื่อสามา นางมิสารีเป็นคนใจบาปหยาบช้า คิดจะฆ่านางอุชุจิตาตลอดเวลา นางมิสารีชอบกินของสดๆ ดิบๆ แดงๆ

 

วันหนึ่ง อุปปะเศรษฐี พาเมียทั้งสองออกหาปลา ให้นางอุชุจิตานั่งหัวเรือ ให้นางมิสารีนั่งท้ายเรือ เมื่อทดแหได้ก็แบ่งปลาให้เมียทั้งสองคนใส่ข้องเท่าๆ กัน นางมิสารีเมียน้อย ได้ลักกินปลาดิบในข้องของตัวเอง ที่ผัวหามาได้จนหมด นางอุชุจิตาแอบเห็น ก็รู้ว่านางมิสารีเป็นผีพรายยักษ์

 

พอใกล้ค่ำ เศรษฐีใหญ่ก็ชวนเมียทั้งสองกลับบ้าน นางมิสารีกลัวว่าถ้าถึงบ้าน สามีจะรู้ความจริงว่านางกินปลาในข้องหมด ก็แกล้งกล่าวว่า วันนี้ตัวเองโชคไม่ดี นั่งตอนท้ายเรือไม่ค่อยได้ปลา จึงขอย้ายที่ ส่วนเศรษฐีก็ตกลง บอกให้นางอุชุจิตาไปนั่งท้ายเรือ ให้นางมิสารีมานั่งหัวเรือกันแล้ว นางอุชุจิตาจึงย้ายที่ แต่ลืมข้องของตัวเองไว้ นางมิสารีเมียน้อยมือไว ก็แอบเปลี่ยนสลับข้องทันที

 

พอใกล้ค่ำจะกลับแล้ว เศรษฐีก็ขอดูข้องของเมียหลวง ปรากฎว่าไม่มีปลาก็โกรธ นางมิสารีก็บอกเศรษฐีว่า นางอุชุจิตากินปลาสดๆ จนหมดทั้งข้อง เพราะนางเป็นเป็นผีโพงผีพราย เศรษฐีหูก็เชื่อ หยิบเอาไม้พายฟาดหัวนางอุชุจิตา จนตกลงไปในแม่น้ำเสียชีวิต

 

เศรษฐีรีบพายเรือกลับมาบ้าน นางอุทธะลาไม่เห็นแม่กลับพร้อมพ่อจึงถามว่าแม่ไปไหน นางมิสารี ตอบว่า แม่นางแอบหนีตามชู้ไป หรืออาจตายอยู่ในแม่น้ำแล้ว นางอุทธะลาไม่เชื่อ ก็ร้องไห้ออกติดตามหาแม่

 

กล่าวถึงนางอุชุจิตา เมื่อตายแล้วก็ไปเป็นเต่าน้อยอองคำ เกิดอยู่ในแม่น้ำแห่งนั้น

 

ยังมีหมาดำตัวผู้ตัวหนึ่ง อาศัยอยู่บ้านเศรษฐี มันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ไปบอกนางอุทธะลาว่าแม่ถูกตีตายตกน้ำ ไปเกิดเป็นเต่าน้อยอองคำ นางอุทธะลาจึงไปเจอแม่ที่แม่น้ำนั้น

  

ภายหลังนางมิสารีรู้ว่า นางอุชุจิตาตายแล้วไปเกิดเป็นเต่าอยู่ในแม่น้ำ ก็แสร้งทำเป็นไม่สบาย บอกเศรษีผู้สามีว่าอยากกินเนื้อเต่าคำ  เศรษฐีหลงนางเมียน้อย จึงสั่งบ่าวใช้ ไปจับเต่ามาให้ได้

 

นางเต่าน้อยอองคำ รู้ว่าจะมีคนมาจับ จึงมาพบลูกอุทธะลาแล้วสอนว่า ถ้าแม่ตายไปแล้ว อย่าโศกเศร้า ให้หมั่นทำความดี อย่ากระทำบาป รักษาศีลห้า สอนแล้วก็ว่ายจากลูกหนีไป

 

หนีไปไม่นาน ด้วยเวรกรรมชาติปางก่อน เต่าน้อยอองคำก็ถูกแหหว่านจับได้ นางมิสารีให้ข้าทาสต้มน้ำร้อน แล้วบังคับให้นางอุทธะลา เอาแม่เต่าโยนลงน้ำร้อน เต่าน้อยอองคำก็ตาย ไปเกิดบนสวรรค์

 

ยามนั้น หมาดำก็บอกนางอุทธะลาว่า แม่ได้สั่งไว้ก่อนตายว่า หากตายแล้วให้เอากระดูกเต่าคำ ไปฝังไว้ใกล้ประตูเมือง แล้วหมาดำก็ไปคากระดูกที่บ้านเศรษฐี มาให้นางอุทธะลา นางอุทธะลาก็เอากระดูกแม่เต่าคำ ไปฝังไว้ที่ประตูเมืองพาราณสี อยู่มาไม่นาน ก็เกิดต้นศรีมหาโพธิ์ตรงที่ฝังกระดูกนั้น

 

ในกาลนั้น ท้าวพาราณสี ได้ยินข่าวว่ามีต้นศรีมหาโพธังเกิดขึ้นที่ประตูเมือง มีลักษณะงามนัก จึงอยากได้มาปลูกในวัง สั่งให้เสนาช่วยกันขุด ก็ขุดไม่ได้ เป็นเรื่องประหลาดอัศจรรย์ ท้าวพาราณสีจึงประกาศว่า ใครขุดย้ายต้นศรีมหาโพธิ์ เอาไปปลูกในเวียงวังได้ จะมีรางวัลให้อย่างงาม

 

ขณะนั้น นางอุทธะลา ก็เข้ามาอาสาเจ้าเมืองพาราณสี นางอธิษฐานจิต ขอให้แม่ศรีมหาโพธิ์ย้ายเข้ามาอยู่ในมือนาง ซึ่งนางทำสำเร็จเป็นที่น่าอัศจรรย์ ท้าวพาราณสี จึงพานางอุทธะลาเข้าวัง แต่งตั้งให้เป็นมเหสี

 

ในยามนั้น อุปปะเศรษฐีและนางมิสารี คิดแค้นหาทางกำจัดนางอุทธะลา จึงแสร้งทำเป็นไม่สบาย สั่งสาวใช้ไปอกนางอุทธะลาให้มาเยี่ยม นางอุทธะลาก็รีมาด้วยความเป็นห่วง เศรษฐีและนางมิสารี ทำอายขุดหลุมพรางไว้ ด้านล่างวางขวากหนามแหลมไว้ เมื่อนางอุทธะลาเดินเข้าบ้านไม่ทันระวังตัว ก็ตกลงในหลุม ถูกขวากหนามทิ่มแทง บรรดาบ่าวใช้ก็เอาน้ำร้อนราดลงไป นางอุทธะลาก็สิ้นชีวิต

 

บรรดาหมู่สาวใช้ รีบเอาเครื่องประดับนางอุทธะลา ไปให้สามาลูกสาวนางมิสารีใส่ ปลอมตัวเข้าไปในวัง แต่ท้าวพาราณสีสืบรู้ความจริงทุกอย่าง จึงให้เพชฌฆาตประหารนางสามา เอาเนื้อไปทำแหนม ส่งไปให้เศรษฐีและนางมิสารีกิน

 

เศรษฐีได้รับแหนมจากในวัง ก็พากันกินด้วยความอร่อย ปรากฎว่าไปเห็นนิ้วมือคนในแหนม ก็รู้ว่าเป็นนิ้วลูกสาวตน ทั้งสองร่ำไห้แทบสิ้นใจ กลายเป็นบ้า

 

ส่วนนางอุทธะลาเมื่อสิ้นใจตาย ก็ไปเกิดเป็นผลมะตูมทองคำ มีสองตายายเก็บไปซ่อนไว้ในกระท่อม ยามที่สองตายายไม่อยู่ นางอุทธะลาก็ออกมาจากผลมะตูมทองคำ แล้วทำความสะอาดกระท่อม หุงข้าว เมื่อสองตายายกลับมาเห็นก็ซักถาม นางก็เล่าความจริงให้ฟัง และขออาศัยอยู่เป็นลูกสองตายายนั้น

 

สองตายายเข้าป่า เก็บดอกไม้มา นางอุทธะลาก็มาร้อยเป็นมาลัย ให้สองตายายไปขายในเมือง เสนาท้าวพาราณสีเห็นมาลัยดอกไม้สวยงาม จึงซื้อไปถวายท่านเจ้าเมือง ท้าวพาราณสีพิจารณาดูด้วยปัญญา ก็รู้ว่าผู้ร้อยพวงมาลัยคือนางอุทธะลามเหสี  จึงขี่ช้างแก้วมงคล นำรี้พลไปรับนางอุทธะลาเข้าเมือง  พาราณสี มาเป็นพระมเหสีดังเดิม

 

กล่าวฝ่าย อุปปะเศรษฐีกับนางมิสารี ด้วยทำบาปเวรกรรมหนัก เมื่อตายไปจึงได้ตกนรกอะเวจี

 

ส่วนท้าวพรหมทัตกับนางอุทธะลา ก็หมั่นทำบุญสุนทาน ถือศีลไม่ขาดจนแก่เฒ่าชรา เมื่อสวรรคตแล้ว ก็ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดุสิต

 

ประชุมชาดก

(ประชุมชาดก คือ การรแสดงความสัมพันธ์ของตัวละครในอดีตชาติ เทียบกับสมัยพระพุทธเจ้า)

 

อุปปะเศรษฐี คือ พระเทวทัต

นางมิสารี คือ นางจิณจามาณวิกา

นางอุชุจิตา คือ นางวิสาขา

นางอุทธะลา คือ นางยะโสธราพิมพา

ท้าวพรหมทัต คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 

 

อ้างอิง

https://www.youtube.com/watch?v=k9ScUhhnRk0

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น