วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
ท่าฟ้อนดาบพ่อครูเป็ง ก้อนเพรี้ยง บ้านพนัง ต.ทุงสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
ท่าฟ้อนดาบพ่อครูเป็ง
ก้อนเพรี้ยง
(ข้อมูล ณ
วันที่ 10 กรกฎาคม 2565)
ความเป็นมา
พ่อหนานเป็ง ก้อนเพรี้ยง ปัจจุบัน (2565) อายุ 75 ปี เกิดเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2490 พ่อชื่อ
พ่ออินตา ก้อนเพรี้ยง แม่ชื่อ แม่ดี ก้อนเพรี้ยง ภูมิลำเนา บ้านเลขที่ 2 หมู่ 3
บ้านพนัง (อ่านออกเสียงว่า ผะนัง) ตำบลทุ่งสะโตก อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
พ่อหนานเป็ง เข้าเรียน ป.1 เมื่ออายุ 7 ขวบ ที่โรงเรียนร้องสัมป่อย ต.ทุ่งสะโตก
อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เริ่มเรียนฟ้อนดาบจากพ่ออินตา เมื่อประมาณ ป.2 อายุ 8 ขวบ (พ่ออินตา เสียชีวิตเมื่อปี
พ.ศ.2539 อายุ 89 ปีพ่ออินตาจึงเกิดปี พ.ศ.2450 พ่อหนานเป็งเกิด พ.ศ.2490
แสดงว่าพ่ออินตา อายุมากกว่าพ่อหนานเป็ง 40 ปี ขณะที่สอนฟ้อนดาบให้พ่อหนานเป็ง
พ่ออินตาน่าจะอายุประมาณ 48 ปี ส่วนแม่ดี ก้อนเพรี้ยง เสียชีวิตเมื่อปี พ.ศ.2513
ขณะอายุได้ 63 ปี จึงเกิดปี พ.ศ.2450 ปีเดียวกันกับพ่ออินตา) พ่อหนานเป็งเรียนจบ
ป.4 เมื่ออายุ 10 ปี มาอยู่บ้าน 1 ปี ก็บวชเป็นสามเณรกับตุ๊ลุงสม วัดทุ่งเกี๋ยง ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง
จ.เชียงใหม่ บวชได้ 4 พรรษาก็สึก
เมื่อหนุ่มๆ
อายุประมาณ 16-17 ปี พ่อหนานเป็ง ติดตามคณะรำวงหนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ โดยทำหน้าที่เป็นนักร้อง
ไปร้องตามงานวัดต่างๆ ต่อมาอายุประมาณ 20
ปี ก็ติดตามวงดนตรีศรีสมเพชร ของคุณประสิทธิ์ ศรีสมเพชร พออายุ 22 ปี แต่งงานมีครอบครัว ภรรยาชื่อ
แม่อุ่นเรือน (ใจตื้อ) ก้อนเพรี้ยง มีลูกชายด้วยกัน 1 คน ชื่อ นายทัศกรณ์
ก้อนเพียง (เกิดวันที่ 28 ธันวาคม 2527) เมื่อมีครอบครับ พ่อหนานเป็งจึงเลิกอาชีพนักร้อง
กลับมาอยู่กับครอบครัวที่บ้านพนังในปัจจุบัน โดยประกอบทำนา ทำไร่ และรับจ้างทั่วไป
พ่อหนานเป็ง
ได้บวชเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ.2550 ขณะอายุได้ 60 ปี โดยบวชที่วัดหัวริน
ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ พระอุปัชฌาย์คือ พระครูวิวิธ ประชานุกูล
(ตุ๊ลุงแดง) โดยบวชเป็นเวลา 29 วัน แล้วสึกออกมาเป็น “หนาน” (ทิด)
เพื่อทำหน้าที่เป็น “ปู่อาจ๋าน” หรือ มัคนายก (ผู้จัดการทางศาสนพิธี
การกุศล ผู้ชี้แจงทางบุญ ผู้คอยนำกล่าวคำบูชา คำอาราธนา คำถวายสิ่งของให้พระภิกษุ) ตามความเชื่อของชาวพุทธแบบล้านนาว่าคนที่จะ
“ปู่อาจ๋าน” ได้น่าเชื่อถือ จะต้องผ่านการบวชเรียนเป็นพระภิกษุ (เป๊กข์ตุ๊)
มาแล้ว
ปัจจุบันพ่อหนานแก้ว
ยังทำหน้าที่เป็น “ปู่อาจ๋าน” หรือมัคนายก ที่วัดพนัง และ วัดดอนแก้ว หมู่ 3
ต.ทุ่งสะโตก อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
ชื่อแม่ท่าฟ้อนดาบพ่อหนานเป็ง
ก้อนเพรี้ยง อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่
(ตบมะผาบ 13 หรือ ตบมะผาบ 16 แล้วแต่สถานการณ์)
1. ป๋าเลื้อมหาด
(ปลาเลียบหาด)
2. นางกวาดเฮือน (นางกวาดเรือน)
3. เกี้ยวเกล้า
4. แตงสอย (แทงสอย)
5. บัวบาน
6. ฟันหก (หก แปลว่า ฟันหกครั้ง
และ หก ยังแปลว่า ผันกลับไปกลับมา ฟันหก จึงอาจแปลได้อีกว่า
ฟันหมุนไปมาด้วยความรวดเร็ว)
7. เปลี่ยนดาบ
8. ก๊าบฟ้อน (คาบฟ้อน,
ใช้ปากคาบดาบแล้วฟ้อนรำ)
9. สีไคลหลวง (สีไคล แปลว่า
ถูขี้ไคล, หลวง แปลว่า ใหญ่)
10. สีไคลหน้อย (หน้อย แปลว่า
น้อย เล็ก)
11. บัวบานห่าง (ท่าทำกลีบดอกบัวซ้อนห่างกัน)
12. เสือลากหาง
13. กว๋างเหลียวเหล่า
(กวางเหลียวดูป่าละเมาะ)
14. ฤาษีต๋ามเตียน (ฤาษีจุดเทียน)
15. จ๊างแตงงา (ช้างแทงงา)
16. ขว้างมะม่วง
(หมายเหตุ : การเปลี่ยนท่าทุกครั้ง จะต้องทำท่าเปลี่ยนดาบ ท่าสวนส้น ท่าสินคม เสมอ
หรืออาจเรียกว่าท่าเชื่อมนั่นเอง)
(สินคม แปลว่า เจียนคมดาบให้คมอยู่เสมอ)
สมภพ เพ็ญจันทร์ : บันทึก
15
กรกฎาคม 2565
SP BeautiFULLMOON ChiangMai THAI Dance Troupe
SP BeautiFULLMOON ChiangMai
THAI Dance Troupe
History:
The SP BeautiFULLMOON
ChiangMai THAI Dance Troupe was established in 2019 by Assistant
Professor Somphop Phenchan, a retired civil servant from the Chiang Mai College
of Dramatic Arts. The troupe is located at 88 Moo 3, Ban Sankhayom, Makham
Luang Subdistrict, San Pa Tong District, Chiang Mai Province, Thailand.
Meaning Behind the Name:
The troupe's name, SP BeautiFULLMOON ChiangMai , carries profound
significance:
o
SP: These initials represent for Somphop, the founder's first
name, directly linking his identity to the troupe.
o
BeautiFULLMOON: This is a clever and meaningful wordplay, merging
"Beautiful" with "Full Moon." "Full Moon" is a
direct translation of the founder's surname, Phenchan. Therefore, the complete
name conveys the essence of "perfect beauty, like a full moon."
o
ChiangMai is the hometown of its founder,
Assistant Professor Somphop Phenchan.
Objectives:
The SP BeautiFULLMOON Dance Troupe Chiang Mai, THAILAND, was
founded with the following key objectives:
1.
To preserve and transmit the rich heritage of Thai performing
arts to future generation by teaching traditional traditional Lanna dance, folk
dances from Thailand's four regions, court dance, Khon (masked dance-drama),
and Lakhon (classical Thai dance-drama) to children, students, youth and the
general public.
2.
To innovate and create new Lanna traditional dance and folk
plays.
3.
To serve as a vital cultural and artistic network at local,
national, and international levels.
4.
To promote and disseminate cultural performances both
domestically and internationally.
คณะนาฏศิลป์เพ็ญจันทราเชียงใหม่
ประวัติคณะนาฏศิลป์เพ็ญจันทราเชียงใหม่
คณะนาฏศิลป์เพ็ญจันทราเชียงใหม่ (SP
BeautiFULLMOON ChiangMai THAI Dance Troupe) ตั้งอยู่บ้านเลขที่
88 หมู่ 3 บ้านสันคะยอม ตำบลมะขามหลวง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่
ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2562 ปีเกษียณอายุราชการของผู้ช่วยศาสตราจารย์สมภพ
เพ็ญจันทร์ ข้าราชการบำนาญ วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
ความหมายของชื่อคณะ
SP ย่อมาจากชื่อผู้ก่อตั้ง
คือ สมภพ (SomPhop) ซึ่งเป็นการเชื่อมโยง
ชื่อจริงเข้ากับชื่อคณะ
BeautiFULLMOON เป็นการเล่นคำ โดยรวมคำว่า “Beautiful” สวยงาม กับคำว่า
“Full
Moon” พระจันทร์วันเพ็ญหรือเพ็ญจันทร์ ซึ่งเป็นนามสกุล
ของผู้ก่อตั้ง
ความหมายรวมคือ ความสวยงามที่สมบูรณ์แบบเหมือนพระจันทร์เต็มดวง
ChiangMai บ่งบอกถึงจังหวัดบ้านเกิดของ
ผศ.สมภพ และความโดดเด่นของคณะ
นาฏศิลป์ที่มาจากเชียงใหม่
เมืองหลวงแห่งล้านนา
ประวัติโดยย่อของผู้ก่อตั้งคณะ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมภพ
เพ็ญจันทร์ เป็นคนสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่โดยกำเนิด เกิดปี พ.ศ.2502
บรรพบุรุษทางพ่อเป็นลัวะสันป่าตอง ทางแม่เป็นไทเขินเชียงตุง พ่อเป็นลิเก เจิงมวย
เจิงดาบ แม่ชอบจ๊อยซอ ผศ.สมภพ
จึงมีเลือดศิลปินเต็มตัว เรียนจบจากวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ กรมศิลปากร
เรียนนาฏศิลป์โขนลิง 5 ปี นาฏศิลป์โขนยักษ์ 3 ปี
บรรจุรับราชการที่วิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย สอนนาฏศิลป์โขนพระ 1 ปี
สอนนาฏศิลป์พื้นบ้านสุโขทัย นาฏศิลป์พื้นบ้าน 4 ภาค เขียนบทและกำกับการแสดงแสงเสียง
แสดงละครสมัยใหม่เรื่องยักษ์ตัวแดงของฮิเดกิ โนดะ ชาวญี่ปุ่น สอนที่นาฏศิลปสุโขทัย
38 ปี ย้ายมาสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ อีก 10 ปี ร่วมสอนศิลปะพื้นบ้านล้านนากับพ่อครูคำ
กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติ และพ่อครูมานพ ยาระณะ ศิลปินแห่งชาติ จึงเป็นศิษย์ของทั้งสองท่าน
สอนกลองสะบัดชัย กลองไชยมงคล กลองปู่จา ฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง
สร้างสรรค์ฟ้อนพื้นบ้านล้านนา และละครพื้นบ้านล้านนา สืบทอดฟ้อนดาบเจิงสันป่าตองจากพ่อหนานเป็ง
ก้อนเพรี้ยง บ้านพนัง สันป่าตอง ผศ.สมภพ เพ็ญจันทร์ เกษียณอายุราชการเมื่อ
พ.ศ.2562 เป็นผู้ก่อตั้งคณะจิตอาสาวัดศรีสุพรรณ แสดงทุกวันเสาร์
ถนนคนเดินวัวลายและถนนสายวัฒนธรรมศรีสุพรรณ เชียงใหม่ และเป็นผู้ก่อตั้งคณะนาฏศิลป์เพ็ญจันทราเชียงใหม่
วัตถุประสงค์ของการตั้งคณะ
คณะนาฏศิลป์เพ็ญจันทราเชียงใหม่ จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์คือ
(1)
สอนนาฏศิลป์พื้นบ้านล้านนา กลองล้านนา
ฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง นาฏศิลป์พื้นบ้านสี่ภาค นาฏศิลป์ราชสำนัก โขน ละคร แก่เด็ก
นักเรียน เยาวชนและประชาชน เพื่ออนุรักษ์ศิลปะดังกล่าวและส่งต่อให้คนรุ่นต่อไป
(2)
สร้างสรรค์นาฏศิลป์
และละครพื้นบ้านล้านนา
(3)
เป็นเครือข่ายทางด้านศิลปวัฒนธรรมระดับท้องถิ่น
ระดับชาติ และระดับนานาชาติ
(4)
เผยแพร่การแสดงศิลปวัฒนธรรม
ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ
คำสอนลูกศิษย์เมื่อฝึกนาฏศิลป์
อดทน อดทน อดทน
คำสอนลูกศิษย์ในการใช้ชีวิต
ทำอะไรก็ทำ แต่อย่าทำผิดกฎหมายและจริยธรรม
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
ประวัติ ผศ.สมภพ เพ็ญจันทร์
ประวัติ ผศ.สมภพ เพ็ญจันทร์ (อายุ ๖๖ ปี)
ประวัติการเรียนด้านนาฏศิลป์
-พ่อของครูสมภพ เพ็ญจันทร์ ชื่อ พ่อน้อยเป็ง เพ็ญจันทร์ (น้อย คือ คนที่บวชเณรมาแล้ว) อายุ ๘๔ ปี (เสียชีวิต) พ่อเป็นลิเกเก่า เล่นลิเกมาตั้งแต่วัยรุ่น จนอายุประมาณ ๓๐ ปีก็เลิก พ่อสามารถฟ้อนดาบ และเป่าขลุ่ยเมือง (ขลุ่ยล้านนา) ได้
แม่ครูสมภพชื่อแม่แก้วพา เพ็ญจันทร์ ชอบฟังเพลงซอ จนสามารถจ๊อยและขับซอได้
(เพลงซอเป็นเพลงพื้นบ้านล้านนา เหมือนกับเพลงฉ่อย อีแซว ลำตัด ซึ่งเป็นเพลงพื้นบ้านภาคกลาง
หมอลำ เพลงโคราช เป็นเพลงพื้นบ้านภาคอีสาน เพลงบอก โนรา เป็นเพลงพื้นบ้านภาคใต้)
ครูสมภพ เพ็ญจันทร์ จึงเรียกได้ว่ามีเลือดศิลปินเต็มตัว
-ครูสมภพเริ่มเรียนนาฏศิลป์ตอนอายุ ๑๓ ปี ในระดับนาฏศิลป์ชั้นต้นปีที่ ๔ (ชั้น ม.๑ ในปัจจุบัน) ณ โรงเรียนนาฏศิลปเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๖ (ปัจจุบันคือวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่) ก่อนหน้านั้นเมื่อเรียนชั้น ป.๑ – ป.๗ ก็มีประสบการณ์การแสดงบนเวทีบ้างเล็กน้อย (ที่จำได้คือ ฟ้อนน้อยไจยา ตอนอยู่ชั้น ป.๓ – ป.๔) เมื่อเข้าเรียนนาฏศิลป์ ได้รับคัดเลือกให้เรียนเป็นตัวลิง โดยเรียนกับครูปรีชา งามระเบียบ และครูสุวิทย์ เริ่มรุจน์
ต่อมาพอถึงชั้นกลางปีที่ ๒ (ม.๕ ในปัจจุบัน) ครูชิน ศรีปู่ ครูโขนยักษ์ ให้ย้ายมาเรียนเป็นตัวยักษ์ (เพราะจะฝึกให้ออกแสดงรำซัดชาตรี) โดยเรียนโขนยักษ์กับครูปรีชา ศิลปสมบัติ และครูดิษฐ์ โพธิยารมย์ พอถึงชั้นสูง ๑ สูง ๒ (ปวส.) ได้เรียนเพิ่มเติมกับคุณครูหยัด ช้างทอง โดยเฉพาะเรียนรำฉุยฉายทศกัณฐ์ลงสวน และชูกล่องดวงใจ
ครั้นเมื่อเข้าทำงานเป็นครูที่วิทยาลัยนาฏศิลปสุโขทัย ครูโขนพระไม่มี จึงได้เป็นครูสอนโขนพระ ประมาณ ๑ ปี โดยเรียนโขนพระเพิ่มเติมจากครูสมบัติ แก้วสุจริต
-ด้านการตีกลองสะบัดชัยและฟ้อนดาบรูปแบบพ่อครูคำ
กาไวย์ ศิลปินแห่งชาติ ได้เรียนจากพ่อครูคำ กาไวย์ เมื่อเรียนอยู่ชั้นต้นปีที่ ๓
(ม.๓) อายุ ๑๖ ปี (ปี พ.ศ.๒๕๑๘) ณ โรงเรียนนาฏศิลปเชียงใหม่
และเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างละเอียดและจริงจังช่วงช่วยพ่อครูคำ
กาไวย์สอนกลองสะบัดชัยที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ช่วงปี พ.ศ.๒๕๕๒ (ปีที่ย้ายจาก
วนศ.สุโขทัย มาทำงาน วนศ.เชียงใหม่) จนพ่อครูคำ ถึงแก่กรรม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๗
-ด้านการตีกลองไชยมงคลและฟ้อนดาบรูปแบบพ่อครูมานพ
ยารณะ ศิลปินแห่งชาติ ได้เรียนจากพ่อครูมานพ ยารณะ
ในช่วงช่วยพ่อครูมานพสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ โดยเริ่มเรียนตั้งแต่
พ.ศ.๒๕๕๒ (ปีที่ย้ายจาก วนศ.สุโขทัย มาทำงาน วนศ.เชียงใหม่) จนพ่อครูมานพ
ถึงแก่กรรม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๘
-ด้านกลองปู่จา เรียนรู้จากครูจันทร์
แก้วจิโน รุ่นพี่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ รุ่นที่ ๑ เรียนเมื่อประมาณปี
พ.ศ.๒๕๕๗ ตอนสอนที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ (ย้ายมา วนศ.เชียงใหม่ เมื่อปี ๒๕๕๒)
-ด้านการฟ้อนดาบรูปแบบพ่อครูเป็ง
ก้อนเพรี้ยง ครูภูมิปัญญาชาวบ้าน อ.สันป่าตอง โดยได้เรียนกับพ่อครูเป็ง ก้อนเพรี้ยง
ที่วัดพนัง ต.ทุ่งต้อม อ.สันป่าตองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๖๕
-ด้านศิลปะการแสดงละคร
ได้เรียนรู้กับคุณครูปรานี สำราญวงศ์ และคุณครูพนิดา สิทธิวรรณ โดยมีพื้นฐาน วรรณคดีการละครจากคุณครูประนอม ทองสมบุญ ผู้อำนวยการโรงเรียนนาฏศิลปเชียงใหม่ในขณะนั้น
-ด้านศิลปะการแสดงละครสมัยใหม่
ได้เรียนรู้จากคุณฮิเดกิ โนดะ
ผู้กำกับการแสดงชื่อดังของญี่ปุ่น โดยได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแสดงละคร เรื่อง
ยักษ์ตัวแดง ณ ประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๒ โดยแสดง ๓ ครั้ง
การแสดงแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ ๓ เดือน
-ด้านปี่พาทย์ (ฆ้องวง)
เรียนกับครูสว่าง ตอนเรียนชั้น กลาง ๑-กลาง ๓ (ม.๔-๖)
-ด้านการขับร้องเพลงไทย
เรียนกับครูวัฒนา โกศินานนท์ ชั้นสูง ๑ (ปวส.๑)
-ด้านเครื่องสาย (ซอด้วง) เรียนกับครูแดงมณฑา
ชั้นสูง ๑ (ปวส.๑)
-ด้านการแสดงลิเก
ได้รับการฝึกฝนจากพ่อน้อยแสน พ่อครูลิเกคณะสันคะยอม ๓ (นิทัศน์ศิลป์) ต.มะขามหลวง อ.สันป่าตอง
จ.เชียงใหม่ จนสามารถเล่นลิเกเป็นอาชีพได้ ระหว่างเรียนนาฏศิลป์ ประมาณชั้นกลาง ๑ –
สูง ๒ เคยร่วมแสดงกับลิเกคณะ ส.สันคะยอม ๒ ประมาณ ๑-๒ ครั้ง แต่ถูกหัวหน้าคณะสันคะยอม
๓ (นิทัศน์ศิลป์) ห้ามไปร่วมแสดงอีก (อาจเป็นเพราะเป็นคู่แข่งกัน)
พอสอบบรรจุเป็นครูที่นาฏศิลปสุโขทัยได้ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๔ ก็เลิกแสดงลิเก
ผลงานด้านการแสดง
๑. เป็นนักแสดงระบำ
รำ ฟ้อนต่างๆ เช่น รำซัดชาตรี รำเถิดเทิง
รำวงมาตรฐาน ระบำไกรลาสสำเริง รำกราวชัย
รำโนห์รา เซิ้งสวิง เซิ้งสัมพันธ์ เซิ้งโปงลาง ฟ้อนน้อยไจยา ฟ้อนแพน ฟ้อนดาบ กลองสะบัดชัย เพลงเต้นกำรำเคียว
เพลงฉ่อย เพลงเรือ เพลงลำตัด ฯลฯ
๒. การแสดงโขน
-แสดงเป็นตัวยักษ์ ทศกัณฐ์ พิเภก
รณพักตร์ อินทรชิต มโหทร เปาวนาสูร เสนายักษ์
ธงยักษ์ เขนยักษ์ ฯลฯ
-แสดงเป็นตัวพระ คือ พระราม
พระลักษมณ์ (ยกรบ)
-แสดงเป็นลิง เช่น หนุมาน (ยกรบ
จับนาง) สุครีพ องคต ไชยยามพวาน ลิงเชิญเครื่อง
สิบแปดมงกุฎ
เขนลิง ฯลฯ
-แสดงเป็นพระฤาษีโคบุตร ชุด
ถวายลิง เป็นพระฤาษี ชุด กำเนิดมณโฑ
ปราบนางกากนาสูร
๓. การแสดงละครไทย
-แสดงเป็นพระสัตยวาน ในละครเรื่อง
สาวิตรี
-แสดงเป็นมะกะโท ในละครเรื่อง
อานุภาพพ่อขุนรามคำแหง
-แสดงเป็นทหารระตูบุศสิหนา
ในละครเรื่องอิเหนา ตอน ประสันตาต่อนก
-แสดงเป็นทหารไทย
๔. การแสดงละครสมัยใหม่
-แสดงเป็นคนแก่ เด็ก ชาวบ้าน ในละครเรื่อง ยักษ์ตัวแดง ของคุณฮิเดกิ โนดะ ผู้กำกับชาวญี่ปุ่น
.png)
.png)
.png)
.png)
.png)