วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม
บทละครสร้างสรรค์เชิงอนุรักษ์จากบทวรรณกรรมล้านนา
เรื่อง เจ้าสุวัตต์-นางบัวคำ
จัดแสดงในงานแสดงละครประจำปี
๒๕๕๓
๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ – ๓
ธันวาคม ๒๕๕๓
ณ
โรงละครวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
รักเกียรติ ปัญญายศ : จัดทำบท ประพันธ์เพลง และบรรจุเพลง
สมภพ เพ็ญจันทร์
:
จัดทำบทและกำกับการแสดง
ดิษฐ์ โพธิยารมย์
:
อำนวยการแสดง
ปริเฉทที่ ๑
พระโพธิสัตว์เจ้า
-วงซึง-สะล้อ ทำเพลงปฏิสนธิ-
-เปิดม่านน้ำเงิน-
-เจ้าสุวัตต์ยืนอยู่บนแท่น
หมุนตัวช้าๆ ทำแสงสีให้ดูเหมือนอยู่บนฟากฟ้า-
-อื่อกะโลง-
เจ้าสุวัตต์ งามเอยเจ้าหน่อเนื้อ พุทธางกูร
หมดเสี้ยงใสสมบูรณ์ เด่นหล้า
ดุจเดือนเป่งไพบูลย์ มาบเมียง
เลิศล้ำ
ลวาดทาสีแผ่นฟ้า ส่องแสงแรงบุญ
(ลวาด แปลว่า ฉาบ ทา
เคลือบแต่ผิวๆ : ดูพจนานุกรมล้านนา
๒๕๕๐)
-ไฟแท่นเจ้าสุวัตต์เฟดลงเหลือเพียงสลัวๆ-
-วงซึง สะล้อ
บรรเลงเพลงอิตถี-
-ม้ากัณฐักออกทางซ้าย-
-อ่านคร่าวซอ-
ม้ากัณฐัก ปั้นดั่งอัตสา จาไนยแม่ม้า
ก็บังเกิดได้ทรงครรภ์
สิบเดือนเต๋มตั๋น ก็ประสูติได้
ลูกยามเดียวแม่นตั๊ด เป๋นม้ากั๋ณฐัก ตั๋วงามร่างกั้ด ตั๋วก่านโก้งหัวดำ ตี๋นก็เต๊า ตังสี่จดจ๋ำ
ขนหางก็ดำ ลายจักรผ่านหน้า เป๋นม้ามงคล
ตั๋วองอาจหน้า แก่นดูมีเต๋จ๊ะ
(ปั้นดั่งอัตสา จาไนย = ฝ่ายม้า (อาชาไนย), ตี๋นก็เต๊า =
เท้ามีสีขาว
: ดูวรรณกรรมล้านนา,หน้า
๕๑๔)
-ม้ากัณฐักเดินมาหาเจ้าสุวัตต์ตรงเวที
เจ้าสุวัตต์เอามือลูบหลังด้วยความรัก เจ้าสุวัตต์ขี่ม้าเข้าทางขวา-
-ไฟค่อยๆ เฟดลงจนมืด-
-วงสะล้อซึง
บรรเลงเพลงโยนก-
-เปิดม่านแดง-
-นางบัวคำยืนอยู่บนแท่นในกลุ่มดอกบัว-
-Follow จับนางบัวคำ-
-ร้องเพลงโยนก-
บัวคำ ด้วยบุพเพ สันนิวาส สหชาติ ร่วมแรงกรรม
สังเสทชะ ตามในธรรม ดอกบัวคำ
เกิดนารี
(พระฤาษีออก) ดาบส ไปปะเข้า เอ็นดูเจ้า
กัลยาณี
นำมาเลี้ยง
เป็นบุตรี ใส่ชื่อนี้
สรีบัวคำ
อนงค์นาฏ
ผิวะใส งามวิไล
เลิศแลล้ำ
ปฏิบัติ
เจ้าทรงธัมม์ จุ๊เจ๊าค่ำ
ดั่งบิดา
(สรี อ่านว่า สะหลี
เป็นคำนำหน้าชื่อบุคคลที่ต้องการยกย่องเป็นพิเศษ : ดูในพจนนานุกรมล้านนา ๒๕๕๐)
(สังเสทชะ
แปลว่า แดนเกิดแดนที่สาม ซึ่งทั้งหมดมีอยู่สี่แดน : ดูในไตรภูมิพระร่วง)
-นางบัวคำเดินตามพระฤาษีเข้าทางซ้าย-
-ไฟค่อยๆ เฟดลง-
-ปิดม่านน้ำเงิน-
จบปริเฉทที่ ๑
ปริเฉทที่ ๒
แลนาง
(จัดเป็นฉากอุทยานดอกไม้เมืองพาราณสีของพญาอาทิตย์)
-วงซึง สะล้อ
บรรเลงเพลงสร้อยเวียงพิงค์-
-ตลกออกเล่นหน้าม่าน
เพื่อให้มีเวลาในการจัดฉาก-
-บทอู้-
คำปัน เอ้า
มหาดเล็กคำตั๋น
คำตั๋น ว่าจะใด
มหาดเล็กคำปัน
คำปัน เป๋นจะใดผ่องตางปุ้น
เรียบร้อยแล้วน้อ
คำตั๋น เรียบร้อยทุกอย่าง
สาวงามตัวหลายพร้อมหน้าพร้อมต๋า ช่างฟ้อนก็พร้อมแล้ว
งามๆ
ทั้งนั้น
คำปัน วันนี้
เจ้าป้อพญาอาทิตย์ และเจ้าแม่จันต๊ะเทวี คงจะได้ลูกญิงสมใจ๋ล่ะ
คำตั๋น รับรอง
วันนี้ เจ้าสุวัตต์ราชบุตร จะต้องเปิงใจสาวงามที่เฮาช่วยกันเจิญมาแน่นอน
เจ้าราชบุตรคงจะได้เนื้อคู่
ในวันพระชนมายุ ๑๖ ปีนี้แน่ นั่นๆๆ
จาวบ้านปากั๋นมาแล้ว
-ชาวบ้าน- เด็ก ชาย-หญิง ออกทางซ้าย-ขวา
ทำทีเหมือนเดินทางมาเพื่อชมการฟ้อนที่คุ้มหลวง-
-ชาวบ้านไหว้มหาดเล็กทั้งสอง-
-บทอู้-
คำปัน เอ้า
ไหว้สาๆ มากั๋นแต่หัววันน้อ มาๆ มาตางเพ้ๆ
คำตั๋น มาเพ้ๆ
วันนี้จะได้ผ่อเปิ้นมาฟ้อนกั๋น
(ชมชาวบ้าน) โฮ...วันนี้แต่งตั๋วกั๋นงามพี้รี้พ้อร้อ
คำป้อคำปัน ปอไผปอมันคำป้อ เออๆๆ มาๆๆๆ
เข้ามานั่งตางเพ้
-เปิดม่านน้ำเงิน-
-ชาวบ้านเข้านั่งประจำที่ ดนตรีหยุด-
-เสียงกลองดังขึ้นมา-
-เสียงอำมาตย์ตะโกนขึ้น-
เสียงอำมาตย์ พ่อเจ้ามาเถิงแล้ว ทุกคน ไหว้สาพ่อเจ้า
(ทุกคนพูดพร้อมกัน) ไหว้สาพ่อเจ้า
-บทอู้-
พญาอาทิตย์ ไหว้สา
ลูกข้าตังหลาย วันนี้ข้าเปิงใจ๋ล้ำ ลูกข้าเจ้าสุวัตต์ อายุครบ ๑๖ ปี๋เข้า วันนี้
เฮาจะมาม่วนมางันกั๋น หันว่า
มีจ้างฟ้อนมาจากจ๊าดหลายเมือง เอ้า.....เอาเต๊อะ เริ่มกันได้แล้ว
-วงซึง สะล้อ บรรเลงเพลงฟ้อนแลนาง-
-ฟ้อนแลนาง-
(ฟ้อนนี้แสดงถึงเจ้าหญิงเมืองต่างๆ มาฟ้อน
จุดประสงค์เพื่อให้เจ้าสุวัตต์ได้รู้จัก)
(ขณะที่ฟ้อนอยู่นั้น นางจันทเทวี มารดาเจ้าสุวัตต์
พยายามแนะนำสาวๆ ให้เจ้าสุวัตต์)
(เบาเสียงดนตรีลง)
-บทอู้-
จันทเทวี สุวัตต์ลูกแม่ คนหน้าเปิ้นเป็นลูกสาวเจ้าเมืองแสนฝางฟ้อนงามแต้
ลูกเปิงใจ๋ก่อลูก
เจ้าสุวัตต์ ลูกบ่เปิงใจ๋แม่ญิงใดเลยเจ้าแม่
จันทเทวี คนทางซ้ายนั้น
เจ้าหญิงเมืองงาย งามเหมือนกั๋นนาลูก
พญาอาทิตย์ ป้อว่า
ก่อดูเปิงกับลูกนา
เจ้าสุวัตต์ เจ้าป้อเจ้าแม่
ลูกยังบ่สนใจ๋ญิงใด ลูกบอกแล้วจะใดเจ้า
ว่าลูกอยากอยู่กับ
เจ้าป้อเจ้าแม่เมินๆ
ถ้าวันใดลูกปะเนื้อคู่
ลูกจะบอกเจ้าป้อเจ้าแม่ก่อนเปิ้นเลยเจ้า
พญาอาทิตย์ (บ่นกับจันเทวี) เฮ้อ....น้องนาง สงสัยว่าวันนี้ จะบ่สำเร็จแห๋มแล้ว
จันทเทวี บ่ต้องหนักใจ๋ดอกเจ้าพี่ ซักวันหนึ่งสุวัตต์ลูกเฮา คงปะเนื้อคู่แน่ๆ
(ดนตรีดังขึ้น)
(การฟ้อนจบลง)
-วงซึง สะล้อ บรรเลงเพลงล่องแม่ปิง-
(เจ้าหญิงทั้งหลาย
มาไหว้พญาอาทิตย์ นางจันทเทวี เจ้าสุวัตต์)
(พญาอาทิตย์
นางจันทเทวี ขอบใจสาวงามทั้งหลาย)
-บทอู้-
(เป็นบทแทรก ขณะปิดม่าน
อาจพูดเรื่องอื่นๆ ก็ได้)
จันทเทวี ยินดีจ้าดนักเน้อลูกเน้อ
มาฟ้อนกั๋น อิดก่อลูก
เจ้าหญิง บ่อิดเจ้า
จันทเทวี ไปไหว้เจ้าปี้ เจ้าสุวัตต์เปิ้นเหียก่าลูก จะได้ฮู้จักกั๋นไว้
เจ้าหญิง ไหว้สา
เจ้าปี้เจ้า
สุวัตต์ ไหว้สาเจ้า ยินดีจ้าดนัก มากฮ่วมงานเจ้าปี้ น้องหญิงอยู่หื้อสบายในเมืองนี้เน้อ
เจ้าหญิง เจ้า
-ไฟค่อยๆ เฟดลง-
-ปิดม่านน้ำเงิน-
จบปริเฉทที่ ๒
ปริเฉทที่ ๓
แอ่วสาว
-วงสะล้อซึง
บรรเลงเพลงล่องแม่ปิงต่อเนื่องจากปริเฉทที่แล้ว-
(ฉากการแสดงหน้าม่าน)
-สองบ่าวคำปัน คำตั๋น
เดินออกทางซ้ายของเวที-
คำปัน มหาดเล็กตั๋น ว่าจะใดล่ะทีนี้
คำตั๋น จะว่าจะใดเล่า
มหาดเล็กปันก่อเจ้าสุวัตต์ เจ้าราชบุตรเปิ้นบ่เปิงใจ๋แม่ญิงคนใดเลย
นี่ขนาดหาแม่ญิงงามๆ
มาหื้อผ่อหมดเมืองแล้วนา
คำปัน ก่อนั่นน่ะก่า นี่ขนาดแม่เจ้าหญิงต่างเมืองมาฮ่วมงาน
มาฟ้อนหื้อผ่อ เจ้าสุวัตต์ยังบอก
บ่ชอบใจ๋ไผ๋คนใดเลย
ก่อลำบากเฮา ต้องไปหาสาวๆ เข้าคุ้มหลวงหื้อเจ้าสุวัตต์ดูตั๋วแห๋มแล้ว คืนนี้จะไปตางใดดีหา
คำตั๋น ไปตางใต้พ่องบ่า เผื่อจะไปปะคนงามๆ แถวนั้นพ่อง
คำปัน ตางใต้กา
ตางฮอดปุ๊นน้อ
คำตั๋น ไปฮอด
ผดเมืองเงี้ยวเมืองงายปุ๊นละบ่า ไป๊
-วงปี่จุม
บรรเลงเพลงเสเลเมา-
(๒ บ่าว เดินเข้าทางขวา)
(๒ สาวเหนือ คำเอ้ยกับคำแปง
ออกทางซ้าย นั่งปั่นฝ้าย เย็บปักถักร้อย
มัดพลู ผ่าหมาก อยู่)
(๒ บ่าว คำตั๋นกับคำปัน
เดินดีดซึง ออกมาทางขวาของเวที Follow จับที่ ๒
บ่าว)
-จ๊อย-
คำปัน (ตั๋วหนุ่ม) ตั๋วพี่ตุ๊ก
กำกึดก็เถียว อยู่คนเดียว บ่มีคู่เฝ้า
ชาตาเป๋น
เดนคนบ่าวเฒ่า ก่อต๋ามทีมันเต๊อะน้อง
คำตั๋น (ตั๋วตลก) จ๊อยม่วนแต้ต้า
คำปัน ฮาว่าพ่องลอ...
ตุ๊กก่อตุ๊ก
เถียวก่อเถียว มีหมูตั๋วเดียว ปากบึนพื้อลื้อ
-บทอู้-
คำปัน เอ่อ......
คำตั๋น
คำตั๋น ว่าจะใด
คำปัน
คำปัน บ้านนี้ถ้าจะมีสาวงามบ่า
ลองเข้าไปผ่อลอ
คำตั๋น ลองน้อ
(แกล้งไอดังๆ) อะแฮ้มๆ
สาวคำแปง เสียงไผมาจ๋ามจ๋ามไอไออยู่หั้น ฟังลอปี้คำเอ้ย
สาวคำเอ้ย (เอิ้น)
มันเป๋นเสียงไผ จ๋ามจ๋ามไอไอ ผู่ตางนอกฮั้น
คำตั๋น อี่นายนาฏน้อง อ้ายมาแอ่วหา จักเติ้กเก่าจา ไค่เข้าไปอู้
สาวคำเอ้ย (เอิ้นเสียงดังๆ) ขึ้นมาเพ้เต๊อะ บ่เติ้กตางไผ
อยู่ตี๋นคันได เติ้กตางหมาโก้ง
คำตั๋น (อู้กับคนดู) เอ่อนั่น ว่าเฮาเติ้กตางหมาเหียแล้ว
คำปัน กันน้องว่าแต้ แม่น้องก่อต๋าม อ้ายคนบ่งาม ใคร่เข้าไปอู้
สาวคำแปง เข้ามาเพ้เต๊อะ บ่ถ้ากั๋วไผ
บ่มีคนใด มาแอ่วหาข้า
(๒ บ่าว เดินไปนั่งที่แคร่
แยกนั่งเป็น ๒ คู่ ๒ แคร่)
(ไฟส่องคู่ที่ ๑ คำแปงกับคำปัน
คู่นี้มีท่าทีที่ดีต่อกัน)
สาวคำแปง เออ...อ้ายถ้าจะเป๋นคนบ้านไก๋ เจิญนั่งก่อนเจ้า
คำปัน อ้ายขอนั่งตั้ดนี่ อยู่สักบึดใจ๋
ม่อนตาไหล บ่หล้างว่าถี่
ผีเจ้าตี้
บ่หล้างว่าสัง สีดำปัง บ่หล้างปึ้ดโซ้ง
สาวคำแปง นั่งเต๊อะเจ้า
ที่นั่งบ่มีเจ้าของ
คำปัน แล้ววันนี้
แฟนเปิ้นบ่มาแอ่วกาหา
สาวคำแปง แฟนตี้ไหน
บ่มีเจ้า......หมดจ๊อยล้อย เหมือนกลางวิหาร พ่อร้างบ่ปาน
บ่าวจี๋บ่ข้อง
บ่มีไผไหน จักใฝ่ใจ๋ข้อง น้องอยู่คนเดียว ง่อมล้ำ
(ไฟส่องที่คู่ที่ ๒
คำตั๋นกับคำเอ้ย คู่นี้แสดงว่าสาวไม่ชอบบ่าว)
-คำตั๋นทำท่ากะลิ้มกะเหลี่ย-
คำตั๋น แหะ
แหะ.....อ้ายขอนั่งนี่ซักตั๋ว ขอหนัวตี้นี่ซักวา ถ้าเจ้าเปิ้นมา อ้ายก็จะลุกเน้อ
คำเอ้ย (เสียงห้วน)
จะนั่งก่อนั่งแล้ (บ่นกับตัวเอง) คนหยังบ่งามล้ำ
คำตั๋น อ้ายขอนั่งตั้ดนี้ได้ก่อ
คำเอ้ย นั่งเต๊อะนั่งเต๊อะ จะไปนั่งตั้ดเสา จั๊กเข็บแมงเวา จะขบหัวอ้าย
คำตั๋น ขบจ้างมันเต๊อะ
ไผ๋ขอมันแข็ง ไค๋หื้อขบแฮงๆ จ๋นหัวแดงปะลึ้ง
คำเอ้ย หัวอะหยัง?
คำตั๋น หัวเข่าน่ะก่า
เออ.....อี่น้องคนงาม
เปิ้นเยี้ยะหยังอยู่หา
คำเอ้ย แป๋งดอกจะไปวัด
บ่หันกา (บ่น.....จะถามเยี้ยะหยังก่อบ่ฮู้)
คำตั๋น โห...ดอกเปิ้นงามแต้ต้า...ดอกเอื้องดอกไม้ บานอยู่ไก๋ต๋า เยี้ยะจะใดจา
ใคร่ได้ดอกเอื้อง
คำเอ้ย หูย......เถ้ามอกอี้ แม่ข้าบ่หุม กั๋วเอามาจุม เยี้ยะก๋านบ่ได้
คำตั๋น กันอ้ายได้แล้ว จักมัดติดอก จักปกติดหลัง
จักคังติดแหล่ จักเป่าแนตวย
แต๋นแต้แต๋นแต้
คำเอ้ย เชอะ.......คนอย่างอ้ายนี้ บ่อยากปราศรัย เอาตี๋นเขี่ยไป เหมือนใบต๋องแห้ง
คำตั๋น โห...ว่าล้ำไปก้า
(ไฟส่องคู่ที่ ๑)
คำแปง จะปิ้กล่ะกาเจ้า
คำปัน มันเดิกละ
อยู่เมินเดียวป้อแม่น้องจะว่า
คำแปง วันหน้าวันต๋า ถ่าบ่เติ้กค้างตางใด หื้อหมั่นมาไจ แห๋มใหม่เน้อเจ้า
คำปัน อ้ายไปก่อนเน้อ เจ้ามอนหัวใจ๋ อ้ายขอลาไป
ด้วยใจ๋หม่นเส้า......ไปก่อนเนอ
(เรียกคำตั๋น) คำตั๋น....ปิ๊กเต๊อะ เดิกแล้ว
(ไฟส่องที่คู่ที่ ๒)
คำตั๋น ขอลาก่อนเต๊อะ บ่ไจ้ใจ๋ไกล๋ มันเดิกล้ำไป อยู่เมินบ่ได้
คำเอ้ย (ไล่ส่ง) ไปเต๊อะไปเต๊อะะ
บ่าฮ่าก้นตั๋ง กูเป๋นดีจัง
หน้าลอกต๋าเลื้อม
-วงปี่จุม บรรเลงเพลงเสเลเมา-
(สองบ่าว
ลาสองสาวเข้าทางขวา)
จบปริเฉทที่ ๓
ปริเฉทที่ ๔
คะปวงดอกฮัก
-วงสะล้อซึง
บรรเลงเพลงแสงคำ-
-อ่านกะโลง-
บัวคำ อวนเชิญทุกเทพท้าว อินท์พรหม
ครุฑนาคไอสวรยมม- ราชเจ้า
ชักอวนอ่อนสองสม สีเนห์ร่วม รักนั้น
ขอช่วยชูน้องเหน้า ลาภลุกโดยคระนิง
(โคลงนี้นำมาจาก “โคลงอมรา” คำว่า อวน หรือ อวร เป็นคำแทนชื่อบุรุษที่ ๑
หรือ ๒ ในเชิงชู้สาว เช่น อวนหญิง แปลว่า น้องหญิงที่รัก อวนพี่ แปลว่า ตัวพี่ คระนิง
แปลว่า คิดนำนึง : ดูในพจนานุกรมภาษาล้านนา ๒๕๕๐)
-บทอธิษฐานของนางบัวคำ-
บัวคำ สาตุ๊
พญาอินทร์ พญาพรหม ยมราช ครุฑ นาค และเทวดาต๋นวิเศษตังหลาย
บัวคำอยู่ตั๋วคนเดียวในป่าแห่งนี้ บ่มีคู่ไฝ่แฝงแอ้มข้าง หากเมื่อชาติก่อนปางหลัง
เนื้อคู่ของบัวคำมีแต้
ดังคำป้อพระฤาษีเปิ้นว่า
ชาตินี้ก็ขอหื้อบัวคำได้พบปะเนื้อคู่ของบัวคำ ขอหื้อคะปวงดอกนี้ จุ่งลอยไปหาจายคนที่เป็นเนื้อคู่ของบัวคำ
และดลจิตดลใจ๋หื้อเดินทางมาหาบัวคำเต๊อะ
สาตุ๊
-บัวคำ
ทำท่าลอยคะปวงดอกไปตามสายน้ำ-
-ปิดไฟที่แท่นนางบัวคำ-
-Follow และไฟพิเศษจับเฉพาะเทวดา-
-เทวดามารับคะปวงดอกไม้
แล้วนำคะปวงดอกไม้ลอยทวนน้ำไปเป็นที่อัศจรรย์-
-เจ้าสุวัตต์ออกทาวขวากับมหาดเล็ก
ทำท่าเล่นน้ำกันในลำธาร-
-เปิดไฟแท่นเจ้าสุวัตต์-
-วงซึง สะล้อ บรรเลงแม่ฟ้าหลวง-
เจ้าสุวัตต์ เจ้าสุวัตต์
ตีน้ำลอยเล่น กลางสายธารเย็น เลิ้กล้ำ
คะปวงดอกนาง
เทวดาช่วยก๊ำ มาสุบเข้าขำ ในมือ
เจ้าสุวัตต์
ก็เปี๋ยมาถือ หยุบยื่นโยงยือ
ผ่อกอยถี่แจ้ง
ว่าอะหยัง
ผีสังส้วยแส้ง ปุนดีงืดเนอ
บ่ไจ่หน้อย
เจ้าสุวัตต์ เจ้าสุวัตต์
มโนต่ำคล้อย กึดโสกเส้าส้อย
มัวเมา
ม้ากัณฐัก กัณฐักมิ่งม้า
หันเจ้าต๋นเหงา ว่าพระองค์เฮา
ข้ารู้
สายตี้แปง
พระองค์กลิ่นคู้ รอถ้าน้องอยู่ พรึกข์ไพรป่ากว้าง
สรีบัวคำ รูปงามอาจอ้าง เป๋นลูกไธ้ท่าน
ทรงธัมม์
พระป่าไม้ พ่ำเพงบุญกั๋มม์ ท่านเลี้ยงบัวคำ ลูกรักไว้ถ้า
พระเมืองเหิย อย่าหมองหม่นหน้า จักสมคะนิง บ่ช้า
น้องรักเหิย ก้อนแก้วลอดฟ้า จุ่งขี่หลังข้า จักพาน้องไป
ห้าร้อยโยชน์
บ่ใกล้บ่ไก๋ จะเหาะข้ามไป
เดี๋ยวนี้
-วงซึง สะล้อ ทำเพลงกัณฐัก-
-เจ้าสุวัตต์ขึ้นขี่ม้ากัณฐัก
แล้วเข้าโรงทางซ้าย-
-นางบัวคำออกทางขวา
(หน้าม่าน) ทำท่าเดินเก็บผลไม้ ดอกไม้ เพื่อนำไปเลี้ยงดูปรนนิบัติพระฤาษี-
-นางบัวคำมาหยุดนั่งทางซ้าย-
-เจ้าสุวัตต์ขี่ม้าออกทางขวา-
-ดนตรีหยุด-
-ขับจ๊อย-
ม้ากัณฐัก บ่คิดห่างหนี ปาเจ้าภูมี
เข้าดงป่ากว้าง แล้วก่อมาปะ บัวคำกู้ข้าง
นั่งอยู่ฮิมตางแถวนั้น
กัณฐักอาชา ปอหันหน่อจั๊น เอิ้นสุวัตต์เจ้าหน่อไท เจ้าของคะปวง ดอกสดงามใส พระน้องจุ่งไป เมื่อนายยั้งถ้า
-วงซึง สะล้อ ทำเพลงล่องน่าน-
(เจ้าสุวัตต์เดินเข้าไปใกล้
และร้องเรียกบัวคำด้วยความดีใจ)
เจ้าสุวัตต์ บัวคำ บัวคำ น้องชื่อบัวคำ เจ้าของคะปวงดอกนี้
แม่นก่อ
-นางบัวคำเหลียวมามองด้วยความตกใจ
นิ่งตะลึงสักพักก็วิ่งเข้าโรงทางซ้าย-
-เจ้าสุวัตต์ร้องตะโกนตามหลัง-
เจ้าสุวัตต์ บัวคำ
บัวคำ รอเจ้าปี้ก่อน เยี้ยะหยังบัวคำถึงต้องหล้นหนีเจ้าปี้ตวย
-เจ้าสุวัตต์วิ่งเข้าโรงทางซ้ายตามหลังบัวคำไป-
จบปริเฉทที่ ๔
ปริเฉทที่ ๕
คู่ตั๋วกั๋มม์
-ทำเป็นฉากศาลานางบัวคำ-
-วงสะล้อทำเพลงล่องน่าน
(ต่อเนื่องจากปริเฉทที่แล้ว)-
(เสียงเจ้าสุวัตต์เรียกในโรง)
เจ้าสุวัตต์ บัวคำ บัวคำ รอเจ้าปี้ตวย บัวคำ
-นางบัวคำ วิ่งออกทางขวา
แล้ววิ่งขึ้นบนศาลาปิดประตูแน่นหนา-
-เจ้าสุวัตต์วิ่งตามมา
เคาะประตูศาลา แล้วร้องเรียก-
-ขับซอล่องน่าน-
เจ้าสุวัตต์ เจ้าสุวัตต์
ค่อยอ้อนวอนจ๋า ติดตามมา ตวยรอยรอดห้อง
กำใดดี จั๊กมาเกี่ยวข้อง อู้กับนาฏน้อง
คว่ามบนสาลา
นางบัวคำ เจ้าออยม่อยเนื้อ
แม่เกสนา หับประตูสาลา ใส่แซว่ไว้หมั้น (รับ)
เจ้าสุวัตต์ เจ้าสุวัตต์
ลวดหยุดอยู่หั้น พักยั้งถามไถ่ กัญญา
ว่าอะหยัง
ก่อยฟู่ก่อยจ๋า เอ่ยมาเต๊อะนา
น้องเนอ (รับ)
นายนาฏน้อง สังเงียบไปหา เป็นสันใดจา ปอบ่อู้บ่แว้ง
บ่าเปิงใจ๋นาย
บอกจายหื้อแห้ง เจ้าผงเข้าแป้ง
แม่มอนต๋าคำ
ของกิ๋นบ่มัก
บ่จ้างขับจ๋ำ ของกิ๋นบ่ลำ
บ่จ้างก๋ำป้อน (รับ)
บ่อยากบังคับ
ไล่ขับไล่ต้อน หื้อหนักหน่วงข้อน
นารี
ตั้งใจ๋มา
เกิดเติงหาน้องอย่างอี้ ใจ๋ปี้จะขาด
แล้วเนอ (รับ)
นางบัวคำ บัวคำนาฏน้อง ยินคำหวานหู
ขดตั๋วมาจู ไขประตูหื้อเข้า
ป๋ายมือสาว กับป๋ายมือเจ้า มาจิกั๋นเข้า เป๋นไป
ซว่านไปตึงตั๋ว
อกสั่นหวั่นไหว ไฟกับไฟ
ไหลลามต๋ามเต้น (รับ)
เจ้าสุวัตต์ ตามฮีตฮอย
บ่ใจ้ของเล่น บ่ควรหลีกเว้น
ประเพณี
พี่ผิดไปแล้ว บ่ขอหลบหนี ยอมรับโดยดี น้องเนอ
(เจ้าสุวัตต์จับมือนางบัวคำ ทิ้งเป็นภาพนิ่งสักครู่หนึ่ง
แล้วนั่งคุยกัน)
-วงซึง-สะล้อ เปลี่ยนไปบรรเลงเป็นเพลงซอพม่า-
(จังหวะช้าๆ )
-ขับซอพม่า-
ค่อยฟังรา หมู่ชุมพี่น้อง จักไขทำนอง เรื่องนางบัวคำ
ไขต๋ามระบำ ที่ออกในธัมม์พระเจ้า ติดต่อบทเก๊า
เจ้าสุวัตต์ตวยมา
อู้กั๋นสาลา วันนั้นเมื่ออั้น ส่วนนางน้องชั้น ไขบอกบิดา
ว่านางได้จ๋า นี้ก่อยังฟู่อู้ กับเจ้ากลิ่นคู้
สุวัตต์หน่อไธ
(พระฤาษีออกทางขวา) ส่วนพระรสี ท่านก่อเลงหันได้ จิ่งยอยกให้ เป๋นที่ตั๋วกั๋ม
ของนางบัวคำ เมื่อปางหลังก่อนอั้น ท่านเลิยบ่ขีดขั้น
ยกหื้อเป๋นเมียแปง
เพราะกั๋มเกยแฝง
เตียมแยงก่อนกี้ เกิดมาชาตินี้ เขาก่อเซาะหากั๋น
ท่านเลิยปลงปั๋น อนุญาตให้ เลี้ยงพระพ่อไธ้ ตกเหิงเมินมา
-ปิดไฟ ปิดม่าน-
จบปริเฉทที่ ๕
ปริเฉทที่ ๖
กั๋มม์เวรของพระโพธิสัตว์เจ้า
-จัดทำเป็นฉากป่า
มีแท่นหินกว้างๆ อยู่ ๑ แท่นทางขวามือ-
(เจ้าสุวัตต์และนางบัวคำ
ออกทางขวา ถือตะกร้าใส่ผลไม้มาด้วย)
-วงซึง-สะล้อ
บรรเลงเพลงซอพม่า- (ต่อเนื่อง )
-ขับซอพม่า-
วันหนึ่งหน่อไธ้ ตังสองคู่ส้าง เข้าดงป่ากว้าง เซาะหาเผือกมัน
มีตึงหมากตัน
หมากเฟืองไฟฟ้า หมากม่วงขี้ย้า
หน่วยสุกงามดี
ตังกล้วยเป๋นหวี สุกดีหอมอ้วน มีบัวระมวณ ลูกไม้หลายอัน
มีตึงหัวมัน
หน่อกุ๊กกล้วยอ้อย หญาดญายเป็นถ้อย
ตามที่ริมทาง
เจ้าก่อปาเอานาง ลวดเตียวท่องเต้า เสียหลงไปเข้า เขตเมืองกุมภัณฑ์
เจ้าก่อปาเอานาง
จอดจุกญั่งเหล้น หมายจะพักเอาเย็น
หื้อชื่นเชยบาน
-ซอพม่า-
(เร่งจังหวะให้เร็วขึ้น)
ซ้ำมีนายพราน คนหนึ่งท่องเต้า มาหันใส่เจ้า กับเมียตวยมา
พรานขึ้นหน้าผา
จุกคอยเบิ่งเง้อ สังมางามแต้เนอ
ทั้งสองจายญิง
เขาเป๋นคู่ปิง กาว่าเป๋นกู้ป้อง กาว่าเป๋นปี้น้อง หลงเข้าป่าดงดำ
สังมาดูงาม
ตังสองเผ่าผู้ กาว่าเป๋นชู้
หนีตวยกั๋นมา
ปุ๋นดีใคร่จ๋า ปุ๋นดีใคร่อู้ กาว่าเป๋นชู้ ก่อจักเอาเมียมัน
พรานซัดต๋าหัน
นางเคียวหยอกเจ้า กำนั้นปู่พรานเถ้า
มันก็ฮู้ทันที
-เพลงสล่าเมือง-
พรานก่อขึ้นธนู ด้ามไม้เถี่ยนกล้า ตีปะทะหน้า ปืนมันลั่นออกไป
ถูกตั้ดหัวใจ๋
พระองค์จอมเหง้า บ่ตันสั่งเจ้า
นาฏน้องบัวคำ
-เพลงรัวที-
นายพราน ต๋ายเหียเต๊อะ
ไอ้บ่าวหน้อย
-นายพรานยิงธนูถูกเจ้าสุวัตต์ร้อง
“โอ๊ย” แล้วล้มลง-
-นางบัวคำหวีดร้อง
“เจ้าพี่” โผเข้ากอด ซบบนอกเจ้าสุวัตต์ร้องไห้คร่ำครวญ-
-วงซึงสะล้อ ทำเพลงวิงวอน-
-บทอู้-
บัวคำ เจ้าพี่ เจ้าพี่
ไผ๋ยิงเจ้าพี่ เจ้าพี่ เจ้าพี่
เจ้าพี่หยังเงียบไปจะอี้
เจ้าพี่สุวัตต์
ลุกขึ้นมาอู้
กับบัวคำแล่ เจ้าพี่ เจ้าพี่
เจ้าพี่อย่าเพิ่งต๋ายเตื้อเน้อเจ้า
เจ้าพี่
มาต๋ายละบัวคำหื้อเป๋นหม้าย
หื้อบัวคำอยู่คนเดียว เจ้าพี่ บ่ฮักบัวคำแล้วกาเจ้า เจ้าพี่ เจ้าพี่ ตื่นเต๊อะเจ้าพี่เจ้า
ฮือๆๆๆๆ (นางบัวคำร้องไห้คร่ำครวญ)
-อ่านกะโลง-
ซบอก ฮ้องหุยไห้ สะเทือน
หัวใจ๋ม้าง
ไหวเฟือน แตกขว้ำ
ดุจดาวไร้ดวงเดือน พร่ามืด มัวนา
พรากพรากย้อยหยดซ้ำ เลอน้ำต๋านอง
-บทอู้-
บัวคำ เจ้าพี่ เจ้าพี่
เจ้าพี่จากบัวคำไปแล้ว
แล้วบัวคำจะอยู่กับไผ๋ เจ้าพี่ เจ้าพี่
เมื่อบ่มีเจ้าพี่แล้ว บัวคำจะอยู่ไปเยี้ยะหยัง บัวคำขอต๋ายต๋ามเจ้าพี่ไป
-นางบัวคำดึงลูกธนูออก
แล้วจะใช้ธนูฆ่าตัวตายตามเจ้าสุวัตต์-
-ปู่พรานเฒ่าเข้าขวาง แย่งลูกธนูจากนางบัวคำไว้-
-บทอู้-
พราน โอ๊ะ.....อย่าเพิ่งต๋ายเตื่ออีน้องคนงาม
บัวคำ ลุง ลุง เป็นคนยิงผัวบัวคำกา ลุงฆ่าผัวบัวคำเยี้ยะหยัง
(เขย่าร่างเจ้าสุวัตต์และร้องเรียก)
เจ้าพี่ เจ้าพี่ ตื่นเต๊อะเจ้าพี่ ตื่นมาอู้กับบัวคำแล่ ฮือๆ
พราน ผัวเจ้ามันต๋ายแล้ว บ่ต้องฮ่ำหามัน มันก่อคนๆ หนึ่งตี้ต๋ายไปแล้ว
จะไปอาลัยหามัน
เยี้ยะหยัง
บัวคำ แล้วลุงฆ่าผัวบัวคำเยี้ยะหยังเจ้า
พราน ก่อลุงอยากได้อีน้องมาเป๋นเมียลุง ลุงอยู่คนเดียวมันง่อม มาเป๋นเมียลุงเต๊อะ
ลุงจะเลี้ยงหื้ออยู่สุขสบาย
-นายพรานฉุดแขนนางบัวคำไป
นางบัวคำขัดขืน นายพรานดึงมีดออกมาขู่-
พราน อีน้อง
บ่ไปกา ถ้าบ่ไป ลุงจะเอามีดฆ่าอีน้องต๋ายแห๋มคนเน้อ (เสียงขู่) จะไปกาว่าบ่ไปหา
หันมีดนี่ก่อ
บัวคำ บัวคำกั๋วแล้วเจ้า
บัวคำยอมแล้วเจ้า (ร้องไห้) ลุงเจ้า บัวคำตั๋วคนเดียวคงจะขัดขืนลุงไป
บ่ได้ ก่อนจะไป
บัวคำขอจัดก๋านเอาใบไม้ใบหญ้า มาปกศพผัวบัวคำ บ่หื้อสัตว์ร้าย
มาก๋วนมาควีก่อน แล้วบัวคำจะตวยลุงไปเน้อเจ้า
พราน เอ่อ ขะใจ๋เวยๆ เน้อ
-นางบัวคำจัดการนำใบไม้มาคลุมศพเจ้าสุวัตต์ไว้-
-บทอู้-
บัวคำ สาธุ
เทวดาเจ้าป่าเจ้าเขา ขอจุ่งช่วยปกปักรักษาเจ้าพี่สุวัตต์ผัวของบัวคำตวยเน้อเจ้า
(กราบ)
เจ้าพี่เจ้า บัวคำไปก่อนเน้อเจ้า แล้วบัวคำจะปิ๊กมาหาเจ้าพี่เจ้า
-บัวคำ กราบเท้าเจ้าสุวัตต์
ทำท่าสะอึกสะอื้นร่ำไร-
-นายพรานเห็นว่าชักช้า และกลัวว่านางบัวคำจะหนี
จึงเอาเชือกมามัดแขนนางบัวคำ-
-พรานป่าใช้เชือกฉุดนางบัวคำไป
สุดท้ายกระชากอย่างแรงจนนางบัวคำล้มลง-
-ทิ้งเป็นภาพนิ่ง-
-พระฤาษีออกยืนเหนือร่างไร้วิญญาณของเจ้าสุวัตต์-
-บทอู้พระฤาษี-
พระฤาษี เจ้าสุวัตต์เอ๋ย
ชีวิตกับก๋านพลัดพราก มันเป็นเรื่องธรรมดาของกั๋มม์เวร เวรย่อมระงับ
ด้วยก๋านบ่จองเวร ถ้าเจ้าละวางสิ่งนี้ได้ มันก่อจะเป๋นภาวะปัจจัย ในก๋านสร้างสม
บุญญาบารมี และหากว่าเมื่อใด
เหตุปัจจัยมันถึงพร้อมบริบูรณ์
ดินแดนแห่งพุทธภูมิ
ก่อคงจะรอคอยเจ้าอยู่ และเมื่อถึงวันนั้น มันก่อคงจะเป๋นวันที่ดีที่สุดสำหรับเจ้า
-พระฤๅษีนั่งลง
นำยาออกจากถุงย่าม เอาใส่ปากเจ้าสุวัตต์-
-บทพูด-
พระฤาษี ตื่นฟื้นขึ้นมาเต๊อะลูกเหย
ไปติดต๋ามหาบัวคำและไปต๋ามกั๋มม์เวรของเจ้าทั้งสอง-
-พระฤๅษีทำท่าหลับตา
บริกรรมคาถา แล้วเป่าที่ร่างเจ้าสุวัตต์-
-เจ้าสุวัตต์ค่อยๆ
ขยับตัวช้าๆ ทำท่าจะลุกขึ้น แล้วโพสเป็นท่านิ่ง-
-วงซึง สะล้อ ทอดเพลงวิงวอนลงช้าๆ
แล้วหยุด-
-ปิดไฟ ปิดม่าน-