เอกสารประกอบการสอน
วิชา
พื้นฐานนาฏกรรมไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔
จัดทำโดย
คุณครูสมภพ เพ็ญจันทร์
วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
หลักการบำเพ็ญตนของศิลปินที่ดี
๑. ตรงต่อเวลา
การตรงต่อเวลาเป็นสิ่งสำคัญในวงการศิลปะอย่างยิ่ง
เพราะมีผู้ทำงานร่วมกันหลายฝ่าย ศิลปินต้องตรงต่อเวลา ต้องรับผิดชอบต่อผู้ชม
ต่อผู้ร่วมงาน หากเราไม่ตรงเวลา ก็จะทำให้กำหนดการฝึกซ้อม กำหนดการแสดง
หรือกำหนดการทำงานทุกอย่างคลาดเคลื่อนไปหมด
ทำให้งานการแสดงครั้งนั้นๆ เกิดความเสียหาย ศิลปินต้องฝึกฝนตนเองให้เป็นคน “ตรงต่อเวลา” ทั้งนี้เพื่อความสำเร็จของผู้ร่วมงานทุกฝ่าย
๒. อุตสาหะ
ศิลปินต้องมีความอุตสาหะและความเพียรพยายามในการฝึกฝนตนเอง
ทั้งในด้านความรู้ความสามารถ การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ใหม่อยู่เสมอ ถึงแม้จะมีความชำนาญจนช่ำชองแล้วก็ตาม
ศิลปินไม่ควรทะนงตนว่าเก่งแล้ว ดีเลิศแล้ว จึงขาดการฝึกซ้อม
ศิลปินต้องถือคติว่า
“การขาดการฝึกซ้อมเป็นบ่อเกิดของความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง”
๓. ตั้งใจจริง ทั้งในเวลาเรียน
เวลาฝึกซ้อม และการแสดงจริง ความตั้งใจจริงนี้ฝึกเป็นนิสัยได้โดยการกระทำซ้ำๆ
และบ่อยครั้ง แล้วนิสัยนี้จะปรากฏขึ้นเอง ศิลปินที่ดีนั้น แม้จะมีความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด
ก็ต้องตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่ความสามารถของตนเองจะอำนวยให้
๔. รักษาเกียรติ โดยยึดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นหลักประจำใจ
ไม่ประพฤติเหลวไหลหรือลุ่มหลงในอบายมุข นอกจากจะรักเกียรติของตนเองแล้ว ศิลปินที่ดีต้องรักษาเกียรติของศิลปะด้วย
เช่น ไม่นำศิลปะไปใช้ในทางที่ผิดจนกลายเป็นอนาจาร หรือลดค่าของศิลปะ
เพราะเห็นแก่สินจ้างรางวัล
๕. รักษาหน้าที่
หน้าที่เป็นสิ่งที่ศิลปินต้องรักษาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
โดยตั้งใจทำให้ดีที่สุด ถ้าไม่เข้าใจหน้าที่ของตนเอง ต้องไต่ถามจนเข้าใจแจ่มแจ้ง
ทางศาสนาถือว่า “ผู้ใดทำตามหน้าที่ ผู้นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรม” อนึ่ง อย่าทำงานก้าวก่ายหน้าที่ของผู้อื่นเป็นอันขาด
๖. มารยาทดี ต้องมีมารยาทเรียบร้อย
ทั้งกับคนในและหมู่คณะและบุคคลอื่นทั่วไป ความเย่อหยิ่งทะนงตัว ไม่ควรมีในศิลปินที่ดี
ศิลปินต้องมีความสำรวมในการปรากฏตัวต่อที่ชุมชน
ระมัดระวังในเรื่องการกินอยู่และอื่นๆ รู้จักวางตัวให้เหมาะสมกับบุคคลและกาลเทศะ
๗. สามัคคี คือความพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ความสามัคคีจะทำให้เกิดประโยชน์ เกิดความสุข และเกิดความสำเร็จกับกิจการในหมู่คณะ การหลงผิดและความอิจฉาริษยาเป็นบ่อเกิดของความแตกแยกในหมู่ศิลปิน
เราต้องยึดหลักว่าทุกคนทุกฝ่ายมีความสำคัญเท่าเทียมกันหมด
๘. ควบคุมอารมณ์ ศิลปินเป็นผู้มีอารมณ์รุนแรงตามปกติวิสัย ถ้าเกิดความไม่พอใจต้องรู้จัก อดกลั้นและควบคุมอารมณ์ได้
ต้องไม่นำอารมณ์ส่วนตัวมาปะปนกับงานในหน้าที่ รู้จักแบ่งงาน กับอารมณ์ออกจากกัน
๙. ขันติ คือความอดทน
ศิลปินต้องอดทนต่อความยากลำบากและอุปสรรคต่างๆ ที่มีต่องานศิลปะ
จะต้องรู้จักอดกลั้นต่อความไม่พอใจต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มศิลปินด้วยกันเอง หรือกลุ่มบุคคลอื่นๆ ในขณะปฏิบัติหน้าที่
๑๐. กล้าหาญ คือ ไม่รู้สึกกระดากอายที่จะแสดงศิลปะของตน
ความกล้าหาญต้องอาศัยความเชื่อมั่นของตนเองเป็นหลัก
ผู้ที่มีความเชื่อมั่นในตนเองจะเป็นผู้ที่กล้าหาญ
และสามารถปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ดีเด่นเป็นพิเศษ
๑๑. มีน้ำใจนักกีฬา ต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ
ในการประชันขันแข่งทางวิชาการและการแสดงความสามารถ
๑๒. ร่าเริง ศิลปินเป็นผู้ที่ทำให้ผู้อื่นสนุกสนานร่าเริง
ฉะนั้นตนเองจะต้องเป็นผู้มีอารมณ์ร่าเริงแจ่มใสด้วย
ศิลปินจะต้องเป็นผู้มองโลกในแง่ดีเสมอ รู้จักปฏิบัติตนให้อยู่ในขอบเขตและรู้จักกาลเทศะ
มิใช่ทำตนให้สนุกสนานร่าเริงจนขาดมารยาทที่ดีหรือทำให้เสียงาน
๑๓. อุทิศตนเพื่อศิลปะ ศิลปินต้องอุทิศตนเพื่อเชิดชูศิลปะ
มิฉะนั้นงานศิลปะของตนก็จะหมดความหมายต่อประชาชน ในการอุทิศตนเพื่อศิลปะ
ศิลปินจะต้องรู้จักคำว่า “เสียสละ” ซึ่งหมายถึง สิ่งใดๆ ก็ตามที่ศิลปินสามารถสละได้ก็ควรทำ
เอกสารอ้างอิง
จาตุรงค์ มนตรีศาสตร์ และอาภรณ์ มนตรีศาสตร์. นาฏศิลป์เพื่อการศึกษาเบื้องต้น.
กรุงเทพฯ :
โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, ๒๕๒๖.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น